เด็ก LD หรือ เด็กที่เป็นโรคบกพร่องทางการเรียนรู้ ไม่ใช่เด็กโง่ อีคิวต่ำเสมอไป แล้วถ้าลูกของคุณกลายเป็นเด็ก LD จะมีวีแก้ไข หรือช่วยรักษาลูกได้ยังไง และจะสามารถส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ได้หรือไม่ อย่างไรบ้าง Amarin Baby & Kids มีคำแนะนำดีๆ มาฝากค่ะ
สังเกตสิ!…ลูกของคุณเป็นเด็กที่มีลักษณะอย่างนี้หรือไม่?
พูดคุยกับเขารู้เรื่องทุกอย่าง เข้าใจทุกอย่าง โต้ตอบได้เป็นอย่างดี แก้ปัญหาด้วยการลงมือทำได้ แต่พอให้เขียนหรืออ่านหนังสือ กลับทำไม่ได้เลย เขียนผิดๆ ถูกๆ ไม่เป็นตัวอักษร อ่านหนังสือไม่ออก ทั้งตะกุกตะกัก หรือไม่ก็อ่านข้ามไปเลยเวลาเจอคำที่ยากๆ ถ้าใช่…”อย่าเพิ่งคิดว่าลูกโง่” แท้จริงอาการเหล่านี้เอง หมายถึงลูกกำลังป่วยเป็นโรค LD หรือ มีภาวะบกพร่องในการเรียนรู้ ซึ่งหากลูกเป็น เด็ก LD แล้วจะมีวิธีรับมือ ดูแล หรือรักษาอย่างไร…ตามมาดูวิธีแก้ที่คุณแม่ท่านนี้ได้เขียนแชร์ในกระทู้ของเว็บไซต์พันทิปกันค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะช่วยลูก
แม่แชร์..วิธีแก้! เมื่อลูกเป็น เด็ก LD หรือ โรคบกพร่องทางการเรียนรู้
โดยคุณแม่ท่านนี้ได้มาแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองและลูก (ลูกเลี้ยง) ที่ป่วยเป็นโรคแอลดี ซึ่งคุณแม่เล่าว่า…
หลายคนอาจจะสงสัยว่าแอลดีนี่มันโรคอะไรกันนะ? มันคืออะไร? วันนี้เลยอยากจะมาอธิบายให้ฟังค่ะ
เริ่มแรก…ถ้าลูกของคุณเป็นเพียงเด็กปกติทั่วไป ที่เขารับรู้ทุกอย่าง แก้ปัญหาเป็น เขาตัดสินใจได้เหมือนกันกับเด็กทั่วๆไป แต่เขามีอาการที่เขียนหยังสือไม่ได้ เขียนหนังสือผิดๆถูกๆ อ่านหนังสือตะกุกตะกัก ไม่สามารถผสมคำได้ อ่านตัวสะกดผิด หรืออ่านหนังสือไม่ออกทั้งๆที่เป็นคำง่ายๆ คำนวณเลขง่ายๆไม่เป็น คิดไม่ออกแม้ว่าคุณจะได้บอกได้สอนเขาแล้วก็ตาม นั่นหมายถึงว่าลูกของคุณเริ่มเข้าข่ายของเด็กที่เป็น “โรคบกพร่องทางการเรียนรู้” หรือ “โรคไม่ถนัดอ่านไม่ถนัดเขียน ไม่ถนัดคำนวณ” นั่นเองค่ะ
ขอเริ่มเกริ่นจากประสบการณ์ของตัวเองก่อน : เราต้องเลี้ยงลูกติดจากสามีค่ะ น้องเรียนชั้นมัธยมต้นแล้วแต่กลับกลายเป็นว่าเราถูกทางโรงเรียนตำหนิว่าลูก (ขออนุญาตเรียกว่าลูกนะคะ เขาเรียกเราว่าแม่ค่ะ) ไม่ค่อยส่งการบ้าน เรียนช้า เขียนหนังสือไม่ได้ ลายมืออ่านไม่ออก อ่านหนังสือไม่ออก เป็นเด็กที่เรียนรั้งท้ายและคิดว่าไม่น่าจะได้ผ่านเกณฑ์ที่จะได้ขึ้นชั้นสูงๆขึ้น เวลาครูสอนก็ขยุกขยิก ชอบพูดแทรกครูตลอดเวลา ตอนแรกๆเราก็ไม่สังเกตอะไร แต่พอเริ่มเปิดเทอม เราตรวจสมุดการบ้านของลูกก็เจอแต่รอยปากกาแดงว่าทำงานไม่เสร็จ มีแต่เครื่องหมายกากบาทผิด ลูกเริ่มส่งงานไม่ตรงเวลาและโกหกเราว่าไม่มีการบ้าน แต่อันที่จริงแล้วเขามาสารภาพทีหลังว่าเขาจดที่ครูให้ทำไม่ทัน เขาไม่สามารถส่งงานที่ครูรับมอบหมายให้ทำภายในเวลาที่กำหนดได้ เขาก็เริ่มออกทะเลไปเรื่อยๆ สุดท้ายตอนช่วงใกล้สอบกลางภาคเขาก็ต้องมานั่งงมทำงานที่เขาทำไม่เสร็จส่งครูก่อนสอบ บางวิชาเขาพอทำได้เขาก็ถูๆไถๆสอบได้ผ่านมีนพอดี บางวิชาก็ตกมีน ทั้งๆที่เราสอนการบ้านเขาทุกวัน ทุกครั้งที่เราสอนเขาให้อ่านหนังสือ เขาก็จะอ่านผิดๆถูกๆ นานไปก็เริ่มชักทนไม่ไหว ในใจเราคิดว่า “อะไรวะ…เด็กโตขนาดนี้แล้วให้อ่านคำง่ายๆทำไมทำไม่ได้” สุดท้ายก็มีลงไม้ลงมือกันบ้าง เจ็บตัวไปก็ใช่น้อย เพราะเราคิดว่าเขาไม่ตั้งใจเรียน อยากจะดูแต่ทีวี อยากจะเล่นแต่เกมส์คอมพิวเตอร์ ลูกโดนเราด่าทุกวัน เราด่าจนเราเครียดแล้วแอบไปร้องไห้คนเดียว เครียดมากจริงๆ สามีก็ตำหนิเราว่าเราไม่รักลูกเค้า ตีลูกเค้าทำไม ตะคอกใส่เด็กทำไม จนสุดท้ายเราเลยปล่อยลูกไปตามยถากรรม จะเรียนก็ช่าง ไม่เรียนก็ช่าง คือ ณ จุดๆนั้นเราปล่อยวางแต่ก็อดห่วงไม่ได้เหมือนกัน