8. ค่อย ๆ ปรับพฤติกรรมการกินของลูก
ทุกวันนี้อัตราเด็กที่ป่วยเป็นโรคอ้วนมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ และส่วนมากก็มาจากพฤติกรรมการกินอาหารไม่มีประโยชน์ และหากว่าเด็ก ๆ ของคุณติดนิสัยชอบกินฟาสต์ฟู้ด หรือขนมและน้ำหวานอย่างหนัก จนน้ำหนักเริ่มจะเกินมาตรฐานอยู่รอมร่อ ก็คงต้องค่อย ๆ ปรับนิสัยให้เขากินอาหารขยะน้อยลง โดยอาจจะซื้อธัญพืชอบแห้งมาให้เขากินเป็นขนมแทน หรือในมื้อเช้าก็ทำแซนด์วิชโฮลเกรนให้เขากิน และพยายามเลี่ยงไม่ให้เขากินฟาสฟูดส์บ่อยเกินไปด้วย ค่อย ๆ เปลี่ยนเมนูอาหารอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวเขาก็จะเริ่มชินกับอาหารสุขภาพไปเองค่ะ
9. ตั้งกฎการรับประทานอาหาร
สำหรับเด็กที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นอาจจะมีสังคมเพื่อนและติดเพื่อนมากกว่าเด็กในวัยอื่น ๆ จนอาจจะไม่ค่อยได้ร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัว ซึ่งพ่อแม่ก็คงเริ่มห่วงและกังวลว่าลูกจะนอกลู่นอกทาง หรือเสี่ยงจะไปในทางที่ผิดหรือเปล่า ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงและเพื่อให้ครอบครัวได้รับประทานอาหารร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจะตั้งกฎการร่วมโต๊ะอาหารว่า ใน 1 สัปดาห์จะต้องกินอาหารเย็นร่วมกันอย่างพร้อมหน้าไม่ต่ำกว่า 3-4 วันเป็นอย่างต่ำ นอกจากนี้ถ้าเป็นไปได้ในขณะที่ร่วมรับประทานอาหารกัน ก็ควรปิดทีวี วิทยุ และปิดเสียงโทรศัพท์ด้วย เพื่อไม่ให้มีอะไรมารบกวนการพูดคุยในครอบครัว
10. จัดอาหารจานเล็ก ๆ
สำหรับเด็กเล็ก ๆ ควรจะต้องจัดอาหารแยกให้เขาได้ทานเป็นส่วนตัว เพราะถ้าหากให้เขากินอาหารบนโต๊ะที่มีแต่อาหารอยู่เยอะแยะ และทุกคนก็ร่วมกันกินอย่างเอร็ดอร่อย อาจจะทำให้เขาติดนิสัยกินเยอะตามไปด้วย จนอาจกลายเป็นเด็กกินเยอะและอ้วนได้ในอนาคต เสียสุขภาพและบุคลิกภาพแย่เลยค่ะ
11. หาโอกาสพูดคุยกับลูก
ด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคน อาจจะทำให้พ่อ แม่ ลูก และคนในครอบครัวไม่มีเวลาพูดคุย และบอกเล่าเหตุการณ์ในแต่ละวันให้กันและกันฟัง ซึ่งก็อาจเป็นการเปิดโอกาสให้ความสัมพันธ์มีช่องว่าง ห่างเหิน และไม่สนิทพอที่ลูก ๆ จะกล้าปรึกษาเวลาที่เขามีปัญหา ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหา และเพื่อกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว เราก็ควรจะหาโอกาสอยู่กับลูกเป็นส่วนตัวบ้าง อาจจะพาลูกออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ เดินไปคุยกันไป หรือจะส่งลูกเข้านอนทุกคืนก็ได้ แม้ว่าลูกจะโตเกินที่จะพาเข้านอน แต่วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณและลูกมีเวลาได้คุยกัน อีกทั้งยังเป็นการแสดงความรักความห่วงใยให้เขาได้รับรู้ด้วยล่ะ
12. อย่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
คำที่กล่าวกันว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” นั้น เป็นเรื่องจริง เพราะลูกจะซึมซับพฤติกรรมของแม่ไว้ ฉะนั้น แม่เป็นอย่างไรลูกก็มักจะเป็นเช่นนั้นนั่นเอง ถ้าตัวแม่เองยังเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกไม่ได้ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนที่ดีได้เลย ยกตัวอย่าง เช่น
- ถ้าแม่เป็นคนที่มีนิสัยหยาบคาย ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนสุภาพเรียบร้อยได้
- ถ้าแม่เป็นคนที่ใจแคบตระหนี่ถี่เหนียว ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนที่ใจกว้างชอบแจกจ่ายให้ผู้อื่นได้
- ถ้าแม่เป็นคนมีนิสัยปลิ้นปล้อนหลอกลวง ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนที่ซื่อตรงและจริงใจได้
- ถ้าแม่เป็นคนขี้โกงมักได้ละโมบโลภมาก ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์และรู้จักพอ
และสิ่งสำคัญที่สุกคือ การรักและให้อภัย คนเป็นแม่สามารถแสดงความรักกับลูกได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโอบกอด อุ้ม หอม แก้ม ลูบหัว การพูดจาที่อ่อนโยนและให้กำลังใจกับลูก แม่ที่แสดงให้ลูกรู้ว่ามีความรักให้กับลูกอยู่เสมอนั้น จะทำให้ลูกเป็นคนที่มีความสุข มีความเชื่อมั่นในตนเอง และมีพัฒนาการทางสติปัญญาที่ดีมากกว่าเด็กที่ขาดความรักความอบอุ่นจากแม่
นอกจากนี้ เมื่อลูกทำผิด หรือมีความผิดพลาดในสิ่งใดก็ตาม เช่น ทำข้าวของเสียหายหนีเที่ยว สอบตก ฯลฯ แม่ที่ดีควรเข้าใจ รับฟัง และให้อภัยลูกอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ควรละเลยในการตักเตือน หรืออาจมีการลงโทษว่ากล่าวตามสมควร ซึ่งก็อย่าใช้วิธีลงโทษรุนแรงด้วยการทำร้ายร่างกาย หรือด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายกับลูกเลย เพราะนั่นจะเป็นการสร้างบาดแผลในใจลูกให้คิดไปว่าแม่เกลียดตนเอง ซึ่งจะเป็นเหตุให้ลูกกลายเป็นคนก้าวร้าวดุดันและประชดทำในเรื่องร้าย ๆ มากยิ่งขึ้นได้
เด็กทุกคนจะเติบโตมาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูสั่งสอนของพ่อและแม่เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นหากอยากให้เขาโตขึ้นเป็นเด็กดี ใครเห็นก็เมตตาเอ็นดู และมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง จนทั้งลูกและใคร ๆ ก็พากันยกย่องว่าคุณเป็นสุดยอดคุณแม่ …แต่อย่างไรก็ดีสำหรับผู้หญิงทุกคนที่คิดจะเป็นแม่ หรือวางแผนที่จะเป็นแม่คนนั้น ควรเริ่มต้นในการที่จะเช็กตัวเองดูก่อนว่าใจพร้อม กายพร้อม ความรับผิดชอบพร้อม ที่จะดูแลชีวิตน้อย ๆ ที่จะเกิดมาได้อย่างดีหรือไม่ และเมื่อมั่นใจว่าพร้อมแล้ว และได้เป็นแม่คนแล้วก็ควรจะเป็นแม่ที่ดูแล ทะนุถนอม เอาใจใส่ และมีเวลาให้กับลูกอย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นแม่ที่มีความรักและให้อภัยกับลูกเสมอ
อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!
- ทำ หน้าที่พ่อแม่ ให้ดีที่สุด หยุดกังวลเกินเหตุจนบั่นทอนจิตใจตน
- 13 คาถาการเลี้ยงลูกที่ดี ที่พ่อแม่ควรรู้!
- วิธีก้าวไปสู่ความเป็นพ่อแม่ที่ดี
- 9 คาถาสู่การเป็น พ่อแม่ที่ดี และมีคุณค่า
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.manager.co.th