พัฒนาการทารก แรกเกิด - 1 ขวบ หนูทำอะไรได้บ้างนะ? - Amarin Baby & Kids
พัฒนาการทารก

พัฒนาการทารก แรกเกิด – 1 ขวบ หนูทำอะไรได้บ้างนะ?

Alternative Textaccount_circle
event
พัฒนาการทารก
พัฒนาการทารก

พัฒนาการทารก เริ่มต้นตั้งแต่แรกเกิด ทั้งนี้การเติบโตของลูกน้อยในวัยก่อน 1 ขวบ ทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่มีความรู้สึก ทั้งชื่นชมยินดี และเวียนหัวสลับกันไป

พัฒนาการทารก แรกเกิด – 1 ขวบ หนูทำอะไรได้บ้างนะ?

การเลี้ยงลูกในวัยก่อน 1 ขวบ เป็นเรื่องที่ท้าทายคุณพ่อคุณแม่มือใหม่เป็นอย่างมาก ทั้งเรื่อง การป้อนนม การเปลี่ยนผ้าอ้อม การอาบน้ำ การกล่อมนอน และการร้องไห้ ทีมแม่ ABK จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ พัฒนาการทารก เพื่อเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมพร้อมรับมือ และคลายความกังวลต่างๆลง

พัฒนาการทารก
พัฒนาการทารก

ตารางพัฒนาการทารก จากแรกเกิด – 1 ขวบ

        เดือน

             พัฒนาการตามวัย

                         การส่งเสริมพัฒนาการเด็ก

       1 เดือน  – มองหน้า สบตา  – เอียงหน้าไปมาช้าๆ ให้ลูกมองตาม
 – เอียงหน้าไปมา  – ยิ้มแย้ม มองสบตาเล่น และพูดกับลูก
       2 เดือน  – ชันคอในท่าคว่ำ  – ให้ลูกนอนเล่นบนเบาะในท่าคว่ำ
 – ทำเสียงได้อ้อแอ้  – พูดคุย ทำเสียงต่างๆ และร้องเพลงให้ฟัง
 – ยิ้ม มองตามสิ่งเคลื่อนไหว  –  แขวนของสีสดห่างราว 1 ศอกให้ลูกมองตาม
       3 เดือน  – ส่งเสียงโต้ตอบ  – อุ้มท่านั่ง
 – ชันคอได้ตรงเมื่ออุ้มนั่ง  – พูดคุยทำเสียงโต้ตอบ
       4 เดือน  – หัวเราะส่งเสียงดัง  – ให้ลูกนอนเล่นบนเบาะในท่าคว่ำ
 – เริ่มไขว่คว้าสิ่งของ  – ให้กำลังใจเมื่อลูกทำได้
 – ชูคอตั้งขึ้นในท่าคว่ำ
       5 เดือน  – คืบ พลิกคว่ำ พลิกหงาย  – จัดที่ปลอดภัยให้เด็กหัดพลิกคว่ำ
 – พูดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่กับเด็ก เช่น อาบน้ำ กินข้าว
 – หาของเล่นสีสดชิ้นใหญ่ที่ปลอดภัยให้หยิบจับ และให้คืบไปหา
       6 เดือน  – ส่งเสียงโต้ตอบ  – หาของให้จับ
 – คว้าของมือเดียว  – เล่นโยกเยกกับเด็ก
 – หันหาเสียงเรียกชื่อ และเสียงต่างๆ  – พูดคุยและเล่นเรียกชื่อลูก
       7 เดือน  – คว้าของ  – อุ้มให้น้อยลง ให้เด็กได้คืบและนั่งเล่นเอง
 – นั่งทรงตัวได้เอง  – หาของเล่นที่สี พื้นผิว และขนาดต่างกัน เช่น ผิวเรียบ หยาบ อ่อน แข็ง ให้หยิบจับ
 – เปลี่ยนสลับมือถือของได้
       8 เดือน  –  มองตามของตก  – กลิ้งของให้มองตาม
 – สังเกตสิ่งของใกล้ตัว  – พูดและทำท่าทางเล่นกับเด็ก เช่น จ๊ะเอ๋  จับปูดำ  จ้ำจี้  ตบมือ
       9 เดือน  – คลาน  – หัดให้คลาน
 -เล่นตบมือ จ๊ะเอ๋  – ห้ามให้อาหารที่อาจทำให้ติดคอได้ เช่น เมล็ดถั่ว
 – เข้าใจเสียงคำสั่ง  – หัดให้เด็กหยิบของกินชิ้นเล็กเข้าปาก เช่น ข้าวสุก มะละกอหั่น ฟักทองต้ม
 – ใช้นิ้ว และหัวแม่มือจับของ
      10 เดือน  – เหนี่ยวตัวและเกาะยืน เกาะเดิน  – หัดให้เกาะยืน และเกาะเดินอย่างปลอดภัย
 – ส่งเสียงมีความหมาย เช่น หม่ำ จ๋า จ๊ะ  – เรียกชื่อ และชูของเล่นให้เด็กสนใจเพื่อลุกขึ้นจับ
      11 เดือน  – เริ่มตั้งไข่  – พูดคุยกับเด็กบ่อยๆ
 – เลียนเสียงพูด และท่าทาง  – ให้เด็กมีอิสระ แต่ต้องอยู่ในสายตาของพ่อแม่
      12 เดือน  – ก้าวเดิน 1-2 ก้าว  – ให้เรียนรู้การแปรงฟัน
 – เลียนเสียงพูด และท่าทาง  – สอนให้เรียกอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
 – พูดเป็นคำที่มีความหมาย เช่น พ่อ แม่  – พูดคุยกับเด็ก เน้นสบตา มองหน้า มองปาก ให้เด็กพูดตาม
                                                                                                                                                                                                      ขอบคุณข้อมูล พญ.พริม สุธรรมรติ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก
ศูนย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลนนทเวช
พัฒนาการ
พัฒนาการ

พัฒนาการทางสังคม

ทารกอายุ 1 – 3 เดือน

  • มีการโต้ตอบ โดยทารกอาจยิ้ม เป่าน้ำลายเป็นฟอง หรือพูดเสียงอ้อแอ้ เมื่อพ่อแม่พูดคุยหรือเล่นด้วย
  • มีการเลียนแบบสีหน้าของพ่อแม่ และโผเข้าไปหาพ่อแม่หรือผู้เลี้ยง เมื่อต้องการความปลอดภัย ความรัก และการปลอบโยน

ทารกอายุ 4 – 6 เดือน

  • รู้สึกสนุกเมื่อได้เล่น และจะร้องไห้เมื่อหยุดเล่น
  • เลียนแบบการเล่นทำเสียงได้
  • มักโผเข้าหาแม่หรือพ่อ และจะร้องไห้ทุกครั้งเมื่อไม่เห็นพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงอยู่ใกล้ ๆ
  • จดจำใบหน้าพ่อแม่หรือคนใกล้ชิดได้ รวมทั้งรู้จักชื่อของตัวเอง

ทารกอายุ 7 – 9 เดือน

  • เล่นเกมที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น เล่นจ๊ะเอ๋
  • เด็กจะรู้สึกกังวลเมื่อต้องอยู่กับคนแปลกหน้า ไม่อยากอยู่กับคนอื่นนอกจากแม่ หรือจะหาทางหนีไปที่อื่น หากรู้สึกหงุดหงิดรำคาญเมื่อพ่อแม่ไม่อยู่ใกล้ ๆ
  • มีปฏิกิริยาต่ออารมณ์ความรู้สึกที่พ่อแม่แสดงออกมา

ทารกอายุ 10 – 12 เดือน

  • รู้จักแสดงความรู้สึกว่าชอบหรือไม่ชอบกินอะไร เช่น ทิ้งช้อนไม่กินข้าวต่อ หรือเลื่อนจานอาหารที่ไม่ชอบออกไป
  • ชอบเล่นเลียนแบบผู้ใหญ่ เช่น เลียนแบบการคุยโทรศัพท์
  • รู้ความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์ เช่น เด็กจะรู้ได้ว่าหากร้องไห้ แม่จะมาหา

ความผิดปกติทางด้านพัฒนาการ

หากพ่อแม่หรือผู้เลี้ยง สังเกตุเห็นความผิดปกติทางด้านพัฒนาการของลูก ตามช่วงอายุของทารกดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว

ทารกอายุ 1 – 3 เดือน

  • ไม่ปรากฏพัฒนาการด้านการควบคุมหรือเคลื่อนไหวศีรษะ
  • ไม่ตอบสนองต่อเสียงหรือภาพใด ๆ
  • ไม่ยิ้มตอบผู้คนหรือเมื่อได้ยินเสียงของพ่อแม่
  • ไม่มองตามสิ่งของที่เคลื่อนไหวไปมา
  • ไม่สังเกตมือของตัวเอง
  • ไม่หยิบฉวยหรือถือสิ่งของใด ๆ

ทารกอายุ 4 – 6 เดือน

  • กล้ามเนื้อแข็งตึง
  • ตัวอ่อนปวกเปียกอย่างเห็นได้ชัด
  • เอื้อมมือไปแตะสิ่งของได้แค่ข้างเดียว
  • ไม่ปรากฏสัญญาณของการเคลื่อนไหวหรือควบคุมศีรษะ
  • ไม่ตอบสนองต่อแสงหรือภาพต่าง ๆ
  • ไม่จับสิ่งของ หรือหยิบสิ่งของใส่ปากตัวเอง
  • ไม่พยายามกลิ้งตัวหรือนั่ง
  • ตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้างเขเข้าหรือเขออก
  • ไม่หัวเราะหรือร้องออกมา

ทารกอายุ 7 – 9 เดือน

  • ไม่กลิ้งตัวหมุน หรือไม่ลุกขึ้นนั่ง
  • ไม่เอื้อมไปหยิบสิ่งของ หรือไม่หยิบสิ่งของเข้าปาก
  • ไม่ตอบสนองต่อเสียงหรือภาพใดๆ
  • ไม่ส่งเสียงอ้อแอ้ หรือเลียนแบบเสียงใด ๆ

ทารกอายุ 10 – 12 เดือน

  • ไม่คลานหรือใช้ลำตัวด้านใดด้านหนึ่งไถไปขณะคลาน
  • ไม่ยืนแม้พ่อแม่จะช่วยก็ตาม
  • ไม่แสดงท่าทางต่าง ๆ เช่น ไม่โบกมือหรือส่ายศีรษะ
  • ไม่ส่งเสียงอ้อแอ้ หรือพยายามพูดคำว่า “มามา” หรือ “ปาปา”
  • ไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
  • ไม่ประสานสายตาด้วย

การดูแลทารกอย่างปลอดภัย

พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงช่วยเสริมพัฒนาการของทารก และดูแลทารกได้อย่างปลอดภัย ดังต่อไปนี้

  • ไม่เขย่าตัวทารก เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อสมองหรือเป็นอันตรายถึงชีวิต
  • ควรให้เด็กนอนหลับในท่านอนหงาย เพื่อป้องกันภาวะเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก (Sudden Infant Death Syndrome: SIDS)
  • ไม่ควรให้เด็กได้รับอันตรายจากควันบุหรี่จากคนที่สูบบุหรี่
  • ควรให้เด็กนั่งเบาะหลังโดยใช้ที่นั่งสำหรับเด็กทารกโดยเฉพาะ เมื่อต้องโดยสารรถยนต์
  • ควรตัดอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ และเลี่ยงให้เด็กกินผลไม้ที่มีเมล็ด หรือถั่วต่าง ๆ เพื่อป้องกันอาหารติดคอ รวมทั้งไม่ให้เด็กเล่นของเล่นที่มีชิ้นส่วนเล็ก ๆ เพื่อป้องกันเด็กเอาเข้าปาก และกลืนลงคอ
  • ไม่ถือของร้อนเข้าใกล้เด็ก
  • ควรพาเด็กไปรับวัคซีนป้องกันโรคให้ครบอย่างสม่ำเสมอ

หวังว่าบทความนี้ที่ ทีมแม่ ABK รวบรวมข้อมูลมาฝาก คงเป็นคู่มือช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของลูกในแต่ละช่วงเวลาได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ศีรษะทารกแรกเกิด บวมโนอันตรายไหม? จะยุบเมื่อไหร่?

5 ข้อดีให้ลูกน้อยใช้ “ยางกัด” พร้อมวิธีทำความสะอาด

อันตรายถึงชีวิต!! ป้อนข้าวลูกท่านอน ทารกสำลักถึงตาย

เอกสารแจ้งเกิด แจ้งช้า คลอดที่บ้าน ลูกครึ่งต้องใช้อะไร

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.nonthavej.co.thhttps://www.pobpad.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up