ประโยชน์ของดนตรี ที่ดีต่อสุขภาพจิต เป็นที่กล่าวขานมานานหลายพันปี นักปรัชญาโบราณตั้งแต่เพลโตจนถึงขงจื๊อ และกษัตริย์แห่งอิสราเอลร้องเพลงสรรเสริญและใช้เพลงเพื่อช่วยบรรเทาความเครียด วงดนตรีทหารใช้ดนตรีเพื่อสร้างความมั่นใจ และความกล้าหาญ การแข่งขันกีฬามีเสียงเพลงเพื่อปลุกความกระตือรือร้น เด็กนักเรียนใช้เพลงเพื่อจดจำการท่อง ABC ห้างสรรพสินค้าเปิดเพลงเพื่อดึงดูดลูกค้า หรือแม้แต่ทันตแพทย์ก็มักเปิดเพลงหรือฮัมเพลงในขณะถอนฟันเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสงบ ซึ่งการวิจัยสมัยใหม่หลายชิ้นก็ยังสนับสนุนภูมิปัญญาดั้งเดิมว่าดนตรีมีประโยชน์ต่ออารมณ์และความมั่นใจ
ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน คนเราจึงพัฒนารสนิยมและความชอบทางดนตรีได้แตกต่างกัน แม้จะมีความแตกต่างเหล่านี้ แต่ก็มีการตอบสนองต่อดนตรีเช่นเดียวกัน เช่น ทารกชอบเพลงกล่อมเด็ก การร้องเพลงของแม่คือสิ่งที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษสำหรับทารก โดยที่แม่ไม่จำเป็นต้องเป็นนักร้องระดับดีว่า! วันนี้เรามาดูว่า ประโยชน์ของดนตรีที่ดีกับลูก
พ่อแม่อย่ามองข้าม! 10 ประโยชน์ของดนตรี ที่ดีต่อลูก
1. ดนตรีกับความสนใจและการเรียนรู้
เด็กทุกคนที่ได้เรียนรู้การท่อง ABC จะรู้ว่ามันง่ายกว่าที่จะจดจำหากใช้เพลงเข้ามาช่วย การวิจัยทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนประสบการณ์ทั่วไปที่ว่าการจับคู่ดนตรีกับจังหวะและระดับเสียงช่วยเพิ่มการเรียนรู้และการจดจำ ดนตรีช่วยเด็กและวัยรุ่นที่มีปัญหาด้านความสนใจได้หลายวิธี ประการแรก สามารถใช้เป็นรางวัลสำหรับพฤติกรรมที่ต้องการได้ ตัวอย่างเช่น ให้ลูกทำการบ้านเป็นเวลา 10 นาที เพื่อโอกาสในการได้ฟังเพลงเป็นเวลา 5 นาที ประการที่สองสามารถใช้เพื่อช่วยเพิ่มความสนใจให้กับงานวิชาการที่ “น่าเบื่อ” เช่น การท่องจำการใช้เสียงเพลง จังหวะ และการเต้นรำ หรือการเคลื่อนไหวเพื่อเพิ่มความน่าสนใจของการเรียน ประการที่สาม ดนตรีสามารถใช้เพื่อช่วยในการจัดกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป เช่น เพลงแนวหนึ่งเหมาะสำหรับกิจกรรม เช่น การเรียน เพลงอีกแนวหนึ่งเหมาะสำหรับกิจกรรมอื่นๆ เช่น การรับประทานอาหาร หรือเพลงที่เหมาะจะเปิดฟังก่อนเข้านอน นอกจากนี้ดนตรีที่สงบเงียบฟังสบาย สามารถส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีทางสังคม และลดพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นได้
การผสมผสานดนตรีในชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ ได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาทักษะทางปัญญาบางอย่าง เช่น ความจำ สมาธิการเอาใจใส่ และการคิด เมื่อรวมกับการเคลื่อนไหวและการเต้นรำดนตรีเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ สร้างความสัมพันธ์เชิงพื้นที่จดจำท่าเต้นได้สำเร็จ คิดเกี่ยวกับการเคลื่อนไห วและการร้องเพลงไปพร้อม ๆ กันซึ่งช่วยในการพัฒนาสมองโดยรวม
2. ดนตรีกับภาษาและการรู้หนังสือ
การร้องเพลงและการฟังเพลงสามารถเพิ่มทักษะการฟังการพูดการเขียนและการอ่านให้แก่เด็กๆ เป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน ทำได้ง่าย แต่มีประโยชน์มากมาย ในช่วงแรกของการเรียนรู้ด้านภาษาของเด็ก เพลงที่ติดหู จะช่วยให้เด็กมีความมั่นใจมากขึ้นในการพูดและใช้ภาษาได้เร็วและเหมาะสม และยังช่วยในการพัฒนาการจดจำโครงสร้างวลี และความเข้าใจรูปแบบภาษา นอกจากนี้กระบวนการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เพลงจะถูกใช้เป็นประจำเพื่อช่วยให้เด็กจดจำคำศัพท์ ตลอดจนสำนวนภาษาทั่วไป และอื่น ๆ ได้
3. ดนตรีและความวิตกกังวล
หลายคนพบว่าเพลงที่คุ้นเคยเป็นเพลงปลอบโยนและสงบเงียบ ในความเป็นจริงดนตรีมีประสิทธิภาพมากในการลดความวิตกกังวล ซึ่งเสียงดนตรีจะช่วยลดความวิตกกังวลในผู้สูงอายุ คุณแม่มือใหม่ และเด็ก ได้เช่นกัน ดนตรีที่ผ่อนคลายทุกประเภท สามารถช่วยให้อารมณ์ของมนุษย์สงบลงได้ ดนตรีที่สงบสามารถใช้ร่วมกับการบำบัดเพื่อลดความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการบำบัดแบบเดิมเพียงอย่างเดียว การศึกษาบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า ดนตรีที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เช่น ดนตรีที่มีโทนเสียงแบบ binaural beats (เสียงที่มีมีความถี่แตกต่างกัน ฟังแล้วเกิดการ
4. ดนตรีและอารมณ์
การวิเคราะห์งานวิจัย 5 เรื่องเกี่ยวกับดนตรีสำหรับภาวะซึมเศร้า สรุปได้ว่าดนตรีบำบัดไม่เพียง แต่เป็นที่ยอมรับสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเท่านั้น แต่ยังช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ดนตรีได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง แผลไฟไหม้ และโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม หากสามารถช่วยในสถานการณ์เหล่านี้ได้ก็อาจช่วยให้เด็กๆ มีอารมณ์เชิงบวกมากขึ้นได้
5. ดนตรีและการนอนหลับ
หลายคนฟังเพลงที่ช่วยให้หลับสบาย แนวทางนี้ได้รับการสนับสนุนโดยการศึกษาในหลากหลายรูปแบบ อย่าพยายามฟังเพลงเต้นรำที่คึกคักหรือเร้าใจก่อนที่คุณจะตั้งใจจะให้เด็กๆ นอนหลับ ในทางกลับกันหากพยายามให้ลูกตื่นนอนในตอนเช้าให้เลือกเพลงจังหวะเร็วๆ เร้าใจ แทนเพลงกล่อมเด็ก!
6. ดนตรีและความเครียด
เป็นที่ทราบกันดีว่าดนตรีบางประเภทสามารถช่วยบรรเทาความเครียดได้ เพลงบรรเลงที่สงบเงียบ สามารถลดความหงุดหงิดและส่งเสริมความสงบในบ้านพักคนชราที่มีภาวะสมองเสื่อมได้ และช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียด ในทางกลับกันพ่อแม่ของเด็กวัยเตาะแตะ หรือวัยรุ่นทุกคน รู้ดีว่าดนตรีบางประเภท เช่น ดนตรีร็อค สามารถกระตุ้นให้เกิดความเครียดได้ การรู้ว่าดนตรีบางประเภทสามารถบรรเทาความเครียดได้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง การมีสติในการเลือกเพลงที่จะฟังก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นแค่เลือกอย่างระมัดระวังเหมือนกับการเลือกอาหารและเพื่อนของคุณ
7. ทักษะทางดนตรีและการเข้าสังคม
“ ดนตรีเชื่อมโยงผู้คน” เด็ก ๆ ชอบเต้นรำร้องเพลง พวกเขาชอบพูดซ้ำทำซ้ำในสิ่งที่ได้ยินและเห็น และมักจะชอบแบ่งปันกับคนอื่น ๆ ดนตรีช่วยพัฒนาทักษะการพูด และการเคลื่อนไหวของเด็ก ทำให้พวกเขามีความมั่นใจและมีพลังในการสำรวจโลกรอบตัว และแบ่งปันประสบการณ์กับผู้อื่น หากเด็กกำลังมีปัญหาเรื่องความขี้อาย หรือการปรับตัวเข้าสังคม การเรียนรู้ที่จะเล่นเครื่องดนตรีหรือร้องเพลงอาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับความวิตกกังวลความเครียดหรือความโดดเดี่ยวทางสังคม การเป็นนักดนตรีอาจช่วยในการเอาชนะความกลัวบนเวที เพราะจะได้เรียนรู้วิธีที่จะอยู่ในสปอตไลท์ และเผชิญหน้ากับความกลัวในการแสดงต่อหน้าคนแปลกหน้า เพื่อนๆ และครอบครัว
8. ดนตรีเป็นเครื่องมือในการแสดงออก
ดนตรีคือศิลปะ เป็นวิธีที่สร้างสรรค์ในการแสดงความรู้สึกต่างๆ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดี ดนตรีสามารถช่วยให้เด็กแสดงออกในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้ หรืออาจกลัวเกินไปที่จะแบ่งปันด้วยวาจา การแต่งเพลงและการแสดงสามารถเปิดโลกใหม่ให้กับเด็ก ๆ และเปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงด้านที่แตกต่างของตัวเอง ในกรณีของความบกพร่องทางสังคมอารมณ์หรือจิตใจ ดนตรีอาจเป็นวิธีการสื่อสารและการแสดงออกถึงตัวตนที่ดีได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับความชอบของบุตรหลานของคุณ
9. ดนตรีสอนความอดทนและวินัย
ไม่มีวิธีการสอนความอดทน การสอนวินัย ที่สร้างสรรค์ และน่าดึงดูดมากไปกว่าดนตรี ดนตรีสามารถช่วยให้เด็กเข้าใจได้อย่างแท้จริง ว่าการฝึกฝนอย่างทุ่มเทและความพากเพียรต่างๆ นั้นทำไปเพื่ออะไร การเป็นนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จหรือเพียงแค่สร้างความสนใจในดนตรีต้องใช้เวลาและความตั้งใจ บางครั้งถึงกับต้องเสียสละเล็กน้อยเมื่อต้องพยายามไปสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้น ในที่สุดทุกอย่างก็สำเร็จ และเมื่อเด็กเห็นผลของการทำงานหนักของเขา ความพยายามที่เกิดขึ้นก็สมเหตุสมผลในที่สุด
10. ดนตรีและตรรกะ
แม้ว่าโดยปกติแล้วจะถูกมองว่าตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง แต่ดนตรีและคณิตศาสตร์เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน การอ่านและการนับจังหวะเพลง จริง ๆ แล้วต้องมีความเข้าใจเรื่องเศษส่วนการหารและการรักษาจังหวะและเวลา ซึ่งการเล่นดนตรีเป็นประจำจะช่วยเพิ่มทักษะเหล่านี้และพัฒนาความคิดเชิงตรรกะ ยิ่งไปกว่านั้นที่น่าสนใจคือ การเล่นดนตรีใช้สมองส่วนเดียวกับส่วนที่ใช้ทำความเข้าใจเชิงพื้นที่ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำความเข้าใจคณิตศาสตร์ด้วย
การให้ลูกฟังเพลงหรือการสอนดนตรีให้ลูกไม่มีผลเสีย และทำได้ไม่ยาก ความสามารถพิเศษไม่ควรนำมาตัดสินว่าจะสอนเด็กให้เล่นเครื่องดนตรีหรือร้องเพลงหรือไม่ ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ของดนตรีเป็นเหตุผลที่ดีที่จะรวมเข้ากับชีวิตของลูกคุณทันทีที่พวกเขาเกิด ช่วยทั้งการพัฒนาบุคลิกภาพ สติปัญญา ทักษะความมั่นใจ และอื่น ๆ อีกมากมาย และเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับจิตใจและจิตวิญญาณของเด็ก ที่คุณสามารถมอบให้ได้และทำได้ เพียงแค่แนะนำพวกเขาด้วยพลังแห่งดนตรี หากคุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังให้ลูกสนใจดนตรี ได้ฟังและได้เล่นเครื่องดนตรีตั้งแต่เล็กจะเป็นประโยชน์ต่อทักษะที่สำคัญหลายด้าน โดยเฉพาะการเสริมสร้างทักษะ ความฉลาดในการเล่น (PQ) การได้ฟังหรือร้องเล่นดนตรีทำให้เด็ก ๆ ได้รับความสนุกสนานเพลินเพลิน และมีความสุข ซึ่งมีส่วนทำให้สมองเจริญเติบโต นำไปสู่การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดีด้วยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : healthychildren.org , thriveglobal.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
3 เทคนิคสร้างสมองลูกน้อยเติบโต ด้วยเสียงดนตรี
วิจัยสำเร็จ!! ดนตรีพัฒนาสมอง เด็กคลอดก่อนกำหนดได้
ให้ลูกเรียนดนตรี กี่ขวบดี? แชร์ประสบการณ์ โดย พ่อเอก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่