ผลการวิจัยนี้ถูกนำเสนอต่อที่ประชุมวิชาการซึ่งจัดขึ้นในเมืองบอสตันประเทศสหรัฐอเมริกา และระบุว่าน้ำลายนั้นไม่ใช่ตัวที่ทำให้เชื้อเอชไอวีแพร่ไปสู่เด็ก แต่เลือดที่อาจมีปนอยู่กับน้ำลายน่าจะเป็นสื่อที่ทำให้ไวรัสเอชไอวีแพร่ไปสู่เด็กที่รับอาหารที่ผู้ติดเชื้อเคี้ยวให้เข้าไปสู่ร่างกายได้
นักวิจัยระบุด้วยว่าการติดเชื้อเอชไอวีของเด็กที่รับประทานอาหารที่เคี้ยว โดยคนที่ติดเชื้อเอชไอวีนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อเลือดจากเหงือกของคนเคี้ยวที่ติดเชื้อที่ปนเปื้อนมากับอาหารเข้าไปสู่กระแสเลือดของเด็กผ่านทางรอยแผล หรือแผลอักเสบในช่องปากหรือท่อทางเดินอาหารของเด็ก
ทั้งนี้นักวิจัยกล่าวว่าการวิจัยของพวกเขาได้ตัดกรณีโอกาสที่เด็กอาจจะติดเชื้อผ่านทางการให้นมแม่ หรือการเปลี่ยนถ่ายเลือดออกแล้ว จึงมั่นใจว่าเป็นการได้รับเชื้อผ่านทางอาหารที่เคี้ยวป้อนอย่างแน่นอน
“การติดเชื้อเอชไอวีผ่านทางการป้อนอาหารที่เคี้ยวก่อนนี้ถือเป็นช่องทางใหม่ในการแพร่เชื้อที่เพิ่งค้นพบและน่าจะเป็นพื้นฐานให้กับการศึกษาต่อๆ ไปในการที่จะหาทางในการลดการแพร่เชื้อในลักษณะนี้” ดร. เคน โดมินิเกซ์ และคณะผู้วิจัยกล่าว
Amarin Baby and Kids แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พาพี่เลี้ยงไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียดก่อนที่จะรับให้ดูแลลูกของเรา พร้อมทั้งตรวจสอบเรื่องความสะอาด และสุขภาพว่าเป็นโรคติดต่ออะไรหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันลูกของเราไม่ให้ติดโรคร้ายแรงจากพี่เลี้ยง และอย่าให้พี่เลี้ยง “ป้อนอาหาร” ด้วยการเคี้ยว
และเพื่อให้แน่ใจว่าลูกน้อยจะได้กินอาหารที่ครบคุณค่าอาหาร สะอาด ปลอดภัย Amarin Baby and Kids จึงมีคำแนะนำมาฝาก เห็นคำแนะนำมากมายแล้วอย่าเพิ่งท้อใจนะคะ หลายๆ ข้อคุณอาจทำอยู่แล้วก็เป็นไปได้ ค่อยๆ ทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของลูกเราค่ะ
อ่านต่อ >> “เคล็ดลับป้อนอาหารลูกเล็กอย่างปลอดภัย” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่