การ ติดเชื้อในกระแสเลือด ของทารก
ระบบภูมิคุ้มกันของทารกและเด็กเล็กยังมีประสิทธิภาพไม่ดีนัก โอกาสหายจากการติดเชื้อในกระแสเลือดได้เองมีน้อยมาก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที ส่วนใหญ่แล้วจะทำให้การติดเชื้อแย่ลง หรือมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้
แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ตามอายุของทารกคือ
1. กลุ่มทารกที่อายุน้อยกว่า 7 วัน
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อระหว่างคลอด ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การคลอดก่อนกำหนด หรือกรณีอย่างเช่น คุณแม่มีถุงน้ำคร่ำแตกก่อนคลอดเป็นเวลานาน ทำให้เชื้อแบคทีเรียสามารถเดินทางผ่านถุงน้ำคร่ำที่แตกเข้าไปถึงตัวทารกในครรภ์ได้ หรือในกรณีคุณแม่มีไข้หรือมีการติดเชื้ออื่นๆ ซึ่งเชื้อนั้นสามารถส่งผ่านต่อไปถึงทารกได้
2. กลุ่มทารกอายุระหว่าง 7 วันถึง 3 เดือน
นอกจากการติดเชื้อระหว่างคลอดแล้วอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกอื่นๆ ด้วยค่ะ เช่น การใส่สายสวนหลอดเลือด หรือการทำหัตถการกับทารก หรือมีการติดเชื้อเฉพาะที่และไม่สามารถกำจัดเชื้อเหล่านั้นออกไปได้หมด ทำให้ลุกลามกลายเป็นการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ทารกในกลุ่มนี้อาจมีอาการป่วยอย่างอื่นมาก่อนแล้ว เช่น มีแผลฝีหนองที่บริเวณใดๆ หรือเป็นโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ
เมื่อมีการติดเชื้อหรือสงสัยว่าอาจจะติดเชื้อ มีดังนี้
1. ปัจจัยเสี่ยง เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบ มีโอกาสติดเชื้อแบบซ่อนเร้น คือติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือดได้สูงกว่าเด็กโต หากมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น มีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน หรือเด็กที่ติดเชื้อ HIV ก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายเช่นกัน
2. แหล่งที่มาของเชื้อแบคทีเรีย มาได้จากหลายทาง เช่น เด็กบางคนมีภาวะปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ เป็นสาเหตุให้มีไข้ และเชื้อก็เข้าสู่กระแสเลือดตามมา
3. สัญญาณชี้โรค คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสังเกตสัญญาณบ่งชี้ว่าลูกรักกำลังมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ดังต่อไปนี้นะคะ
- มีไข้ขึ้นสูง เกิน 39 องศา หากลูกอายุน้อยกว่า 1 ขวบ แล้วมีไข้ขึ้นสูง โดยไม่พบแหล่งที่มีของอาการชัดเจน เช่น ไม่พบว่ามีอาการหอบเหนื่อยชัดเจน หรือมีปัสสาวะอักเสบชัดเจน มีไข้สูงอย่างเดียว แต่ลูกมีอาการซึม อ่อนเพลียร่วมด้วย คุณพ่อคุณแม่ต้องพามาหาคุณหมอเพื่อตรวจอย่างละเอียดเพิ่มขึ้น
- มีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น ไข้ขึ้นสูง ตัวเย็น มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเร็ว หายใจหอบหืด หรือมีอาการตามระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น มีปอดอักเสบ ปัสสาวะกระปริบกระปรอย แสบขัด หรือปัสสาวะเปลี่ยนสี เป็นต้น ถ้ามีอาการเหล่านี้ต้องรีบมาหาคุณหมอโดยเร็วค่ะ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ป้องกันลูกทารกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด
1. ให้นมแม่ ซึ่งช่วยป้องกันลูกน้อยจากการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ดีที่สุดในช่วง 6 เดือนแรก เพราะถ้าคุณแม่ให้นมแม่ได้นานอย่างน้อย 6 เดือน ลูกก็จะมีภูมิคุ้มกันเรื่องการติดเชื้อในลำไส้ได้
2. ฉีดวัคซีนตามกำหนดที่คุณหมอนัด ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อ รวมทั้งวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ก็ช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียบางชนิดร่วมด้วยได้
3. การดูแลสภาพแวดล้อม และดูแลอาหารให้สะอาด ให้ถูกสุขอนามัยก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น ไข่ก็ควรเป็นไข่ที่ต้มสุก ภาชนะที่ใช้จะต้องผ่านการลวกนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อ รวมถึงของเล่นหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้านจะต้องทำความสะอาดเป็นประจำ เพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคค่ะ
รักษาโรคติดเชื้ออย่างไรดี?
สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ถ้าเป็นการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง เช่น คออักเสบ หูน้ำหนวก หรือไซนัสอักเสบสามารถให้ในรูปแบบยารับประทานได้ แต่ถ้าเป็นการติดเชื้อแบบลุกลาม (IPD) ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลแบบผู้ป่วยใน และให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือดพร้อมกับการรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น เช่น เรื่องการหายใจ ยากันชัก เป็นต้น
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- ลูกติดเชื้อในกระแสเลือด! เพราะถูกคนอื่นหอม
- อุทาหรณ์! ลูกติดเชื้อจากรถเข็นในห้าง
- 5 อันดับยอดฮิตโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจในเด็กเล็ก
เครดิต: Herkid.com