เมื่อลูกฟันผุจะส่งผลเสียหลายประการ แถมยังลดทอนความมั่นใจของลูกน้อยได้อีกต่างหาก มาดูแลฟันลูกกันดีกว่าค่ะ ทำได้ตั้งแต่ซี่แรกเลยนะ!
โรคฟันผุ เป็นโรคที่เกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกันได้แก่ ลักษณะของฟัน น้ำลาย อาหาร (โดยเฉพาะอาหารที่มีรสหวานหรือคาร์โบไฮเดรต เช่น น้ำตาลแป้ง ลูกอม ขนมหวาน น้ำอัดลม รวมถึงน้ำผลไม้ชนิดต่างๆ) คราบจุลินทรีย์ พันธุกรรม และพฤติกรรมการดูแลสุขอนามัยในช่องปาก คุณพ่อคุณแม่จะบอกให้ลูกระมัดระวังการเลือกกินอาหารหรือแปรงฟันให้สะอาดเอี่ยม เขาก็ยังไม่สามารถทำได้ในทันที จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องดูแลฟันของลูกน้อยให้แข็งแรง เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เบบี๋มีฟันซี่แรก คุณพ่อคุณแม่ก็แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ให้เขาได้แล้ว! ผศ. ทพญ. ดร.เข็มทอง มิตรกูล ภาควิชาทันตกรรมเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงมีเคล็ดวิธีการดูแลฟันของลูกน้อยแต่ละช่วงวัยมาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกคนค่ะ
โทษของฟันผุมีเยอะมาก!
โรคฟันผุในเด็กมีรูปแบบการทำลายล้างเนื้อฟันที่รุนแรง โดยในช่วงแรกรอยผุจะมีสีน้ำตาลหรือสีดำรอบคอฟัน แต่หากปล่อยให้ลุกลามตัวฟันจะถูกทำลายจนเหลือแต่ตอของรากฟันเท่านั้น ซึ่งโรคฟันผุไม่เพียงทำให้ลูกน้อยปวดฟัน ฟันไม่สวย หรือมีกลิ่นปากเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อพัฒนาการและชีวิตประจำวันของลูกน้อยมากกว่าที่คิด
- การเจริญเติบโตของร่างกาย “ช้ากว่าวัย”
ความเจ็บปวดจากโรคฟันผุมักส่งผลให้เด็กรับประทานอาหารได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เด็กขาดสารอาหาร ร่างกายไม่แข็งแรง หรือน้ำหนักตัวน้อย นอกจากนี้อาการปวดฟันอาจทำให้เด็กน้อยนอนหลับได้ไม่เต็มอิ่ม ทำให้การหลั่งฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย (Growth Hormone) ซึ่งจะหลั่งเฉพาะช่วงที่ลูกน้อยนอนหลับพักผ่อน หลั่งได้ปริมาณลดลง ร่างกายของลูกจึงเจริญเติบโตช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน
- ทักษะการสื่อสารและสังคม “สะดุด”
โรคฟันผุมักเป็นสาเหตุให้เด็กสูญเสียความมั่นใจในการพูด ทำให้เขาพลาดโอกาสในการฝึกฝนทักษะการสื่อสารและการเข้าสังคมกับเพื่อนอย่างน่าเสียดาย ปัญหาดังกล่าวอาจบ่มเพาะจนทำให้ลูกน้อยเติบโตเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจหรือมีปัญหาด้านบุคลิกภาพได้
- “เชื้อลุกลาม” จากฟันแท้สู่ฟันน้ำนม
ในเด็กที่มีฟันน้ำนมผุมีความเสี่ยงทำให้ฟันแท้ผุตามไปด้วยสูงขึ้น เนื่องจากฟันที่ไม่กำจัดรอยผุให้หมดไป จะทำให้ช่องปากสูญเสียสมดุล เชื้อที่อยู่ในฟันน้ำนมจึงสามารถย้ายไปอยู่ที่ฟันแท้ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เด็กมีฟันชุดผสมคือมีทั้งฟันแท้และฟันน้ำนมปนกัน (ช่วงอายุ 7-12 ปี) หากปล่อยให้ฟันผุโดยไม่แก้ไข ยิ่งมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ
- เสี่ยง “ติดเชื้อ” ในกระแสเลือด
หากฟันผุถูกทิ้งไว้นานวัน เชื้อโรคอาจลุกลามเข้าไปบริเวณโพรงอากาศหรือช่องว่างที่มีอยู่ในกะโหลกศีรษะซึ่งในศีรษะและใบหน้ามีช่องที่เป็นโพรงอากาศและช่องว่างหลายช่อง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ และหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที เชื้อโรคอาจลุกลามไปในกระแสเลือดได้