การวินิจฉัย RDS ใน ทารก ที่คลอดก่อนกำหนด
RDS มักจะได้รับการวินิจฉัยโดยการรวมกันของสิ่งต่างๆ เหล่านี้
- ลักษณะความพยายามในการหายใจของทารก สิ่งเหล่านี้สามารถบ่งชี้ให้เห็นถึงความต้องการของทารกในการช่วยหายใจ
- การเอ็กซ์เรย์ทรวงอกของปอด รังสีเอกซ์สร้างภาพกระดูกและอวัยวะต่างๆ
- การทดสอบปริมาณก๊าซในเลือด โดยวัดปริมาณออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ และกรดในเลือด อาจแสดงมห้เห็นระดับออกซิเจนต่ำและคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่สูงขึ้น
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การทดสอบนี้เป็นประเภทของอัลตราซาวนด์ที่จะดูโครงสร้างของหัวใจและการทำงานของหัวใจ บางครั้งการทดสอบนี้ใช้เพื่อแยกแยะปัญหาเกี่ยวกับหัวใจที่อาจทำให้เกิดอาการคล้ายกับ RDS นอกจากนี้ยังจะแสดงให้เห็นว่า PDA หรือภาวะหลอดเลือดแดงอุดตันในเส้นเลือดส่งผลให้อาการทารกแย่ลงหรือไม่
RDS ในทารกที่คลอดก่อนกำหนดรักษาอย่างไร?
การรักษาจะขึ้นอยู่กับอาการ อายุ และสุขภาพทั่วไปของทารก นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ซึ่งการรักษา RDS อาจรวมถึง
- การใส่ท่อช่วยหายใจเข้าไปในหลอดลมของทารก (หลอดลม)
- การมีเครื่องช่วยหายใจสำหรับทารก
- ออกซิเจนเสริม
- ใช้เครื่องความดันทางเดินหายใจเป็นบวกต่อเนื่อง (CPAP) คือเครื่องช่วยหายใจที่ผลักดันการไหลเวียนของอากาศหรือออกซิเจนอย่างต่อเนื่องไปยังทางเดินหายใจ ช่วยให้ช่องอากาศเล็ก ๆ ในปอดเปิดออก
- สารลดแรงตึงผิวเทียม สิ่งนี้จะช่วยได้มากที่สุดหากเริ่มใน 6 ชั่วโมงแรกของการเกิด การเปลี่ยนสารลดแรงตึงผิวอาจช่วยให้ RDS ร้ายแรงน้อยลง เป็นการรักษาเชิงป้องกันสำหรับทารกบางคนที่มีความเสี่ยงสูงต่อ RDS สำหรับคนอื่นที่เจ็บป่วยหลังคลอดจะใช้เป็นวิธีการช่วยเหลือ สารลดแรงตึงผิวเป็นของเหลวที่ให้ทางท่อหายใจ
- ยาที่ช่วยให้ทารกสงบและบรรเทาความเจ็บปวดระหว่างการรักษา
ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นไปได้ของ RDS ใน ทารก ที่คลอดก่อนกำหนด
บางครั้งทารกมีภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาด้วย RDS เช่นเดียวกับโรคอื่นๆ กรณีที่มีอาการรุนแรงมักจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนมากกว่า ภาวะแทรกซ้อนบางประการของ RDS ได้แก่:
- ปอดปล่อยอากาศเข้าไปในทรวงอก ถุงรอบหัวใจ หรือที่อื่นๆ ในทรวงอก
- โรคปอดเรื้อรัง (ความผิดปกติของหลอดลมและปอด)
RDS ในทารกเกิดก่อนกำหนดสามารถป้องกันได้อย่างไร?
การป้องกันการคลอดก่อนกำหนดเป็นวิธีหลักในการป้องกัน RDS เมื่อไม่สามารถป้องกันการคลอดก่อนกำหนดได้ คุณอาจได้รับคอร์ติโคสเตียรอยด์ก่อนคลอด ยาเหล่านี้อาจลดความเสี่ยงและความรุนแรงของ RDS ในทารกได้อย่างมาก แพทย์มากให้สเตียรอยด์แก่มารดาที่มีความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนด ในช่วงระหว่าง 24 ถึง 34 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ ซึ่งบางครั้งอาจมีการให้สเตียรอยด์ให้นานถึง 37 สัปดาห์ แต่ถ้ามีการคลอดแบบไม่ทันตั้งตัวอาจไม่มีเวลาให้สเตียรอยด์
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ RDS ในทารกที่คลอดก่อนกำหนด
- กลุ่มอาการหายใจลำบาก (RDS) เป็นปัญหาที่พบบ่อยในทารกที่คลอดก่อนกำหนด อาจทำให้ทารกต้องการออกซิเจนเพิ่มเพื่อช่วยในการหายใจ
- RDS มักเกิดกับทารกที่เกิดก่อนสัปดาห์ที่ 28 ของการตั้งครรภ์ และในบางกรณีอาจเกิดขึ้นได้กับทารกที่เกิดก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์
- โดยทั่วไป RDS จะแย่ลงในช่วง 2 ถึง 3 วันแรก จากนั้นอาการหายใจลำบากจะค่อยๆ ดีขึ้น ด้วยการรักษาอย่างเหมาะสม
- การรักษาอาจรวมถึงการเพิ่มออกซิเจน การเปลี่ยนสารลดแรงตึงผิว และการใช้ยา
- การป้องกันการคลอดก่อนกำหนดเป็นวิธีหลักในการป้องกัน RDS
เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการไปพบแพทย์
- รู้เหตุผลของการพบแพทย์และสิ่งที่คุณคาดหวัง
- เขียนคำถามที่คุณต้องการคำตอบ
- ในการนัดตรวจ ให้จดชื่อการวินิจฉัยโรคใหม่ๆ ยา ตลอดจนการรักษาหรือการทดสอบใหม่ๆ
- จดคำแนะนำใหม่ ๆ ที่แพทย์แนะนำแก่คุณ
- รู้ว่าเหตุใดจึงมีการให้ยาเพื่อการรักษา การรักษาจะช่วยลูกของคุณได้อย่างไร ควรรู้ว่าผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยยาคืออะไร
- สอบถามว่าอาการของลูกสามารถรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ได้หรือไม่
- รู้ว่าเหตุใดแพทย์จึงแนะนำการทดสอบหรือขั้นตอน ต่างๆ ในการรักษา และผลลัพธ์อาจหมายถึงอะไร
- รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากลูกของคุณไม่ทานยาหรือไม่ได้รับการตรวจ
- หากลูกของคุณมีนัดติดตามผล ให้จดวันที่ เวลา และจุดประสงค์ในการพบแพทย์แต่ละครั้ง
- รู้ว่าคุณจะติดต่อแพทย์ได้อย่างไรหลังเวลาทำการ นี่เป็นสิ่งสำคัญหากลูกของคุณป่วยกะทันหันเพื่อต้องการคำแนะนำ
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.urmc.rochester , https://www.nhlbi.nih.gov
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่