ปกติแล้วเราวัดอุณหภูมิร่างกายของลูกคร่าวๆ ได้ด้วยการอังหลังมือที่หน้าผาก ริมฝีปาก หรือซอกคอ แต่ถ้าจะให้แน่ใจและรู้ชัดก็ควรใช้ Thermometer หรือปรอทวัดไข้ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคนอาจยังงุนงงกับ วิธีใช้ปรอทวัดไข้ ว่าจะวัดไข้ลูกอย่างไร ก่อนอื่นลองมารู้จักประเภทของปรอทกันก่อนค่ะ
วิธีใช้ปรอทวัดไข้ ประเภทต่างๆ
ปรอทวัดไข้เด็กแบ่งออกได้คร่าวๆ ตามประเภทของเทอร์โมมิเตอร์ คือ แบบแท่งแก้ว และแบบดิจิทัล ซึ่งอย่างหลังจะอ่านค่าอุณหภูมิได้แม่นยำกว่า และไม่เป็นอันตรายหากตกแตก (แต่ราคาก็แพงกว่าด้วย) เทอร์โมมิเตอร์ทั้งสองชนิดใช้วัดไข้ได้ด้วยการสอดใต้ลิ้นและใต้วงแขน ส่วนการวัดไข้ทางทวารหนัก (ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กทารกอายุต่ำกว่า 3 เดือน) ต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบพิเศษ
1. การวัดไข้ทางปาก

เหมาะกับเด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไป ไม่ควรใช้กับเด็กเล็กที่ยังคาบเทอร์โมมิเตอร์ไม่ถนัด หรือคนที่หมดสติ วิธีวัดคือ ใช้เทอร์โมมิเตอร์ที่สะอาดจับด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้เพื่อเขย่าให้ปรอทไหลลงกระเปาะ บอกให้ลูกอ้าปาก กระดกลิ้น แล้วสอดปรอทไว้ใต้ลิ้น ระวังไม่ให้เด็กกัดปรอท อมไว้นาน 3 – 5 นาทีแล้วค่อยนำปรอทออกมาเช็ดด้วยสำลีสะอาดก่อนจะอ่านค่าอุณหภูมิ
2. การวัดไข้ทางรักแร้

เป็นการวัดไข้ที่เหมาะกับเด็กก่อนวัยเรียนมากที่สุด วิธีวัดก็คือ ให้ลูกถอดเสื้อ หรือแกะกระดุมให้หลวมเพื่อให้เสื้อผ้าไม่ขวางระหว่างเทอร์โมมิเตอร์กับผิว ตรวจให้แน่ใจว่าใต้วงแขนของลูกแห้งสะอาด เขย่าปรอท แล้วค่อยๆ สอดเข้าไปที่รักแร้ ให้ลูกหนีบไว้ในท่างอข้อศอกแนบติดกับข้างลำตัวประมาณ 3 – 5 นาที แล้วนำปรอทออกมาอ่าน
3. การวัดไข้ทางหู

ปัจจุบันนี้มีเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ทางหู (Ear Thermometer หรือ Tympanic Thermometer) ซึ่งใช้วัดไข้โดยสอดเข้าไปในรูหูโดยเฉพาะ แต่ข้อควรระวังคือ ต้องอ่านคำแนะนำตามวิธีที่แนบมากับเทอร์โมมิเตอร์หรือปรึกษากุมารแพทย์ก่อน