พ่อแม่มักจะตื่นเต้นกับเด็กๆในขวบปีแรกๆ และหวังว่าลูกๆของพวกเขาจะได้เริ่มต้นชีวิตที่มีความสุขและมีสุขภาพดี…แต่โชคร้ายที่มีพ่อแม่หลายคนไม่มีข้อมูลความรู้เพียงพอที่จะป้องกันลูกๆ ของพวกเขาจากพิษสารเคมี!!!
ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์บรรจุอาหารต่าง ๆ โดยเฉพาะอาหารหรือขวดนมสำหรับทารกนั้น จะพบสัญลักษณ์หรือเครื่องหมาย BPA free ติดอยู่ที่บรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจน เปรียบเหมือนส่วนหนึ่งของป้ายโฆษณาเครื่องหมายการค้าที่ขาดไม่ได้ และสัญลักษณ์นี้สำคัญอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ
BPA คืออะไร?
ในปัจจุบัน คงเป็นที่คุ้นหูกันดีกับคำว่า BPA Free หรือ การปลอดสาร BPA ซึ่งคำว่า BPA นี้ มีที่มาจากสาร Bisphenol A ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่นำมาใช้ในการทำพลาสติกใส สำหรับใช้เป็น ภาชนะบรรจุอาหาร ขวดน้ำ ขวดนมเด็ก ถ้วยหัดดื่ม เป็นต้น ซึ่งค้นพบตั้งแต่ปี 1891 และได้นำมาใช้กับการผลิตพลาสติกในปี 1950 อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันได้มีนักวิจัยค้นพบถึงความเป็นไปได้ที่ว่า สาร BPA มีผลต่อสุขภาพในช่วงการตั้งครรภ์ และการพัฒนาการในเด็ก
ซึ่งในปี 2010 ประเทศแคนาดาได้ประกาศออกมาว่า สาร BPA เป็นสารพิษ และต่อมาในปี 2012 องค์การอาหารและยา ได้ประกาศห้ามใช้สาร BPA กับของใช้เด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขวดนม ในหลายองค์กรได้เสนอให้หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่อาจมีพิษในกระป๋องของสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มสำหรับเด็ก รวมถึงของใช้เด็กด้วย ซึ่งข้อเสนอนี้ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ที่เกี่ยวข้องในการผลิตบรรจุภัณฑ์และของใช้เด็ก
โทษของ BPA
- มีผลต่อการสร้างเซลล์สมอง ระบบประสาท ความทรงจำ การเรียนรู้
- มีผลต่อฮอร์โมนการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ ทำให้เด็กเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วเกินไป
- เด็กมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วนและไฮเปอร์แอคทีฟ
- ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคหัวใจ
- ยิ่งสะสมในร่างกายมากเท่าใดก็จะยิ่งไปลดศักยภาพการทำงานของร่างกายมากขึ้น
- ที่สำคัญคือ เด็กทารกเมื่อได้รับสาร BPA ก็จะส่งผลกระทบที่รุนแรงมากกว่าในเด็กโตหรือผู้ใหญ่
- สาร BPA ยังช่วยเร่งการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง และยังลดการผลิตสเปิร์มในผู้ชายอีกด้วย
- ในหญิงตั้งครรภ์ หากได้รับสารBPA จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ความผิดปกติของโครโมโซม อาจทำให้เกิดโรคดาวน์ซินโดรม (โรคไฮเปอร์) Hyperactivity หรือแท้ง นอกจากนี้ BPA ยังส่งผลถึงจิตใจซึ่งอาจจะทำให้แม่และลูกที่เกิดมาไม่มีความรู้สึกของสายสัมพันธ์ระหว่างกัน (Bonding)
BPA เข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร
BPA มีคุณสมบัติ ช่วยให้ขวดนม หรือพลาสติก มีความแข็งแรง ใส ไม่แตกง่าย แต่เมื่อบริโภคอาหารจากบรรจุภัณฑ์ที่มีสาร BPA ก็เท่ากับว่าได้รับสารเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งภาชนะที่ทำด้วยสาร BPA สามารถซึมลงไปในอาหารหรือเครื่องดื่ม ได้ เมื่อภาชนะนั้นสัมผัสความร้อน เช่น การต้ม นึ่ง หรือสเตอริไลซ์พลาสติกทำให้สารพิษหลุดและร่อนออกมาปะปนในอาหารยิ่งขึ้น สาร BPA จะแทรกซึมลงในของเหลวและอาหารที่บรรจุอยู่ภายในภาชนะที่มีสาร BPA เช่น ขวดนม ขวดน้ำพลาสติก กล่องบรรจุอาหาร แล้วจึงเข้าสู่ร่างกายเมื่อรับประทานหรือดื่มเข้าไป