ผ่าคลอดแบบธรรมชาติมีด้วยหรือ? จะเป็นอย่างไรต้องดู! - Amarin Baby & Kids

ผ่าคลอดแบบธรรมชาติมีด้วยหรือ? จะเป็นอย่างไรต้องดู!

Alternative Textaccount_circle
event

เราคงเคยได้ยินการคลอดลูก ทั้งคลอดเองแบบธรรมชาติ และการผ่าท้องคลอด ซึ่งการคลอดแบบธรรมชาติ ถือเป็นมาตรฐานและมีความปลอดภัยสูง ในขณะที่การผ่าตัดคลอดก็ถือเป็นตัวช่วยที่ดีมากสำหรับการทำคลอดเช่นกัน ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของการทำคลอดคือ “แม่รอด ลูกปลอดภัย” ดังนั้นการเลือกวิธีจึงต้องขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่ต้องพิจารณาเป็นสำคัญ

โดยปกติแล้วแพทย์จะทำการผ่าคลอดในกรณีที่เด็กคลอดทางช่างคลอดไม่ได้ เช่น เด็กมีขนาดใหญ่เกินไป เชิงกรานของแม่เล็กผิดปกติ เด็กอยู่ในท่าที่ไม่ปกติ ปากมดลูกไม่ขยายเมื่อถึงเวลาอันสมควร หรือมีโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ต้องรีบช่วยให้เด็กคลอดก่อนที่จะเป็นอันตราย (เช่น แม่มีอาการตกเลือดก่อนคลอด เสียงหัวใจของลูกเต้นช้าหรือเร็วผิดปกติ ฯลฯ)

แต่ในกรณีคลิปวีดีโอที่จะได้เห็นนี้เป็น “การผ่าคลอดแบบธรรมชาติ” ซึ่งคุณหมอจะผ่าคลอดโดยใช้วิธีบล็อคหลังให้คุณแม่ไม่สลบและไม่รู้สึกเจ็บปวดขณะคลอด แล้วให้เด็กดันตัวออกมาเอง เป็นการทำคลอดอีกแบบที่คุณแม่ไม่สามารถคลอดเองทางช่องคลอดได้

birth1

นับเป็นภาพที่น่าทึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึงการผ่าคลอดแบบธรรมชาติ ซึ่งหลังจากที่กรีดผ่าหน้าท้องของแม่ แพทย์จะช่วยจับดึงหัวของทารกออกก่อน แล้วก็ปล่อยให้ทารกดันตัวเองออกมาจากครรภ์

ซึ่งแม่จะสามารถมองเห็นทารกกระดุกกระดิก ทั้งยังได้ยินเสียงร้องที่ชัดเจนอีกด้วย แล้วจากนั้นทารกก็จะค่อยๆเคลื่อนตัวออกก่อนที่หน้าอกของเขาแล้วแขนโผล่ออกมา

birth2 (1)

ผู้เป็นแม่ที่กำลังคลอดทารกอยู่นี้ ชื่อว่า ซาร่าห์ เธอได้กล่าวว่า “ฉันอยากจะแบ่งปันวิดีโอนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าถ้าคุณไม่สามารถที่จะให้กำเนิดทารกแบบธรรมชาติได้ การผ่าคลอดแบบธรรมชาตินี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสิ่งที่ดีที่สุด

คุณหมอยังได้บอกอีกว่า การผ่าคลอดแบบธรรมชาตินี้ยังช่วยภาวะแทรกซ้อนหลังคลอดได้อีกด้วย … เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ไปชมภาพของจริงจากห้องคลอดกันเลยค่ะ


ชมคลิป คลอดเองแบบธรรมชาติ ตอนที่ 1 คลิก

ชมคลิป การทำคลอดแบบผ่าตัด ตอนที่ 2 คลิก

อ่าน >> คาถาคลอดลูกง่าย คลิก

อ่าน >> การผ่าคลอดหรือคลอดเอง แบบไหนดีกว่ากัน คลิก

อ่าน >> แผลผ่าคลอดแนวตั้งกับแนวนอนต่างกันอย่างไร และแบบไหนดีกว่ากัน! คลิก

อ่าน >> 11 วิธีดูแลแผลผ่าคลอดของคุณแม่มือใหม่ คลิก


ข้อมูลอ้างอิงและภาพจาก : www.mirror.co.uk

ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : Sarah Saunders

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up