อาการป่วยในเด็ก – โรคร้ายแรงในทารกและเด็กเล็กที่ระบุไว้ในบทความนี้ คืออาการที่มีความเสี่ยงที่อาจเป็นโรคร้ายแรงได้ หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นปัญหาใด ๆ ก็ตาม จากอาการที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ให้รีบเรียกรถพยาบาล หรือพาลูกไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ที่สำคัญ จงเชื่อสัญชาตญาณของคุณเอง หากลูกมีอาการที่ผิดปกติไปจากเดิมค่ะ
แบบนี้ต้องระวัง! อาการป่วยในเด็ก อายุ 0-3 ปี ที่พ่อแม่ต้องรู้ให้ทัน
ควรเรียกรถพยาบาลเมื่อใด
หากคุณสังเกตเห็นอาการดังต่อไปนี้ ไม่ควรนิ่งนอนใจ
- ง่วงนอนผิดปกติ หรือไม่ตอบสนอง
- ร้องไห้เสียงสูง ไม่หยุดร้อง
- หายใจลำบาก หรือหายใจผิดปกติ
- ซีดรุนแรงเป็นรอยจ้ำตามผิว
- ชักกระตุก
- ผื่นที่ไม่จางหายไปเมื่อกดผิวหนังเด็ก
ง่วงนอนและไม่ตอบสนอง
เป็นเรื่องปกติที่ลูกของคุณจะง่วงนอนในบางครั้ง เช่น หลังกินนม แต่ถ้าลูกของคุณดูง่วงนอนมากกว่าปกติ นี่อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงในวัยเด็ก หากคุณไม่สามารถปลุกลูกของคุณได้แม้ว่าคุณจะพยายามหลายครั้งให้ขอความช่วยเหลือทันที การไม่ตอบสนองอาจเป็นสัญญาณของความเจ็บป่วยและภาวะร้ายแรงในวัยเด็กหลายอย่างรวม ถึงน้ำตาลในเลือดต่ำ (ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ) หรือการติดเชื้อในสมองที่คุกคามชีวิต (เยื่อหุ้มสมองอักเสบ)
ร้องไห้เสียงสูง ไม่หยุดร้อง
ทารกและเด็กเล็กทุกคนร้องไห้ได้เป็นปกติ แต่ถ้าลูกของคุณร้องไห้อย่างผิดปกติ เช่น ร้องไห้เสียงสูง ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม แสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกของคุณ
หายใจลำบาก หรือหายใจผิดปกติ
หากลูกของคุณมีปัญหาในการหายใจ อาจมีอาการต่อไปนี้ได้ :
- หายใจแรงกว่าปกติ เพื่อพยายามให้อากาศเข้าปอด
- มีอาการไออย่างต่อเนื่อง
- กล้ามเนื้อระหว่างซี่โครงหดเข้าเมื่อลูกพยายามหายใจ
- ไม่สามารถส่งเสียงร้องใดๆ
- ในกรณีที่รุนแรง เด็กอาจดูเหนื่อยล้าและมีภาวะซีด
อาการหายใจเหล่านี้อาจเกิดจากสภาวะผิดปกติของร่างกาย เช่น การติดเชื้อในทรวงอก (ปอดบวม) หรือโรคหอบหืดขั้นรุนแรง
มีภาวะซีดรุนแรง เป็นรอยจ้ำตามผิว
อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบการไหลเวียนโลหิต หรือระดับออกซิเจนในร่างกายต่ำ หากตรวจพบว่า ชีพจรเบา อัตราการเต้นของหัวใจช้า ต้องรีบไปพบแพทย์เป็นการด่วน
ชักเกร็ง
หากลูกของคุณมีอาการชัก ตาอาจกลอกไปมา และไม่การตอบสนอง มีอาการสั่นอย่างรุนแรงทั้งแขนและขาในช่วงเวลาสั้น ๆ และหายใจได้เพียงตื้นๆ เมื่อ อาการชักหยุดลงแล้วให้ค่อยๆ จับหรือพลิกลูกให้นอนตะแคงบนพื้นผิวที่อ่อนนุ่ม โดยให้ขาด้านบนงอ อย่าใส่อะไร (รวมทั้งนิ้ว) ในปากของลูกในช่วงเวลานี้ ซึ่งอาจไปขัดขวางการหายใจได้
มีผื่นหรือจุดแดง
ผื่นหรือจุดแดงที่ผิวหนังที่พบมากตามแขนขาไม่จางหายเมื่อทดสอบโดยวิธีการกดด้วยแก้ว (positive glass test) ลงบนผิวหนังของเด็ก ซึ่งนี้อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการติดเชื้อไข้กาฬหลังแอ่นที่ส่งผลร้ายแรงถึงชีวิตได้
ควรรีบไปโรงพยาบาลทันทีเมื่อใด
หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณและอาการใด ๆ ต่อไปนี้ให้พาลูกไปที่แผนกฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด:
- มีไข้สูงในทารกอายุน้อยกว่าสามเดือน
- ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
- ทานได้น้อยกว่าปกติ หรือไม่ยอมทาน
- อาเจียนบ่อย
มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัญญาณและอาการเหล่านี้ด้านล่าง
มีไข้สูงเกิน 38 ° C
ไข้คืออุณหภูมิที่สูงกว่า 38 ° C เป็นวิธีปกติของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อ เด็กส่วนใหญ่ที่เป็นไข้อาจไม่มีโรคร้ายแรงใดๆ แต่ในบางกรณีไข้อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่รุนแรงมากขึ้น หากลูกน้อยของคุณอายุต่ำกว่า 3 เดือน และมีไข้สูงควรรีบไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากเป็นการยากที่จะบอกได้ว่าเด็กในกลุ่มอายุนี้มีโรคประจำตัวที่ร้ายแรงหรือไม่
ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ คือ สัญญาณเริ่มต้นของการเจ็บป่วยที่รุนแรงหลายอย่าง กล่าวคือ ผ้าอ้อมเปียกน้อยกว่าปกติ หรือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผ้าอ้อมที่เคยเปียกปกติ ในแต่ละวัน ซึ่งการปัสสาวะน้อยอาจหมายความว่าลูกกำลังตกอยู่ในภาวะขาดน้ำได้
ทานได้น้อยกว่าปกติหรือไม่ยอมทาน
หากลูกกินนมได้น้อยกว่าปกติ หรือไม่สนใจที่จะกินนม ปฏิเสธการดูดนม หรือกินแล้วแหวะ อาเจียน นี่อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกถึงความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหากทารกมีอาการต่อไปนี้ เช่น ดูดนมน้อยลง ซึม ร้องไห้งอแง หรือใช้เวลาดูดนมนานกว่าปกติ หรือดูดนมแล้วมีอาการหอบเหนื่อย เป็นไปได้ว่าลูกน้อยอาจมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ซึ่งควรรีบพาไปพบแพทย์
อาเจียนบ่อย
การอาเจียนเป็นวิธีปกติ ที่ร่างกายจะกำจัดสิ่งที่ไม่ต้องการออกไป แต่นอกจากนี้ ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงความเจ็บป่วยหรือการติดเชื้อได้ การอาเจียนที่ไม่หยุดอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และความไม่สมดุลที่เป็นอันตรายต่อระบบเคมีของร่างกาย ให้รีบไปที่แผนกฉุกเฉิน หากลูกของคุณไม่สามารถกินหรือดื่มอะไรได้และยังคงอาเจียนหลังจาก :
12 ชั่วโมง สำหรับเด็กอายุต่ำกว่าสองปี
24 ชั่วโมง สำหรับเด็กอายุมากกว่าสองปี
การให้ความสำคัญกับอาการเจ็บป่วย เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนพึงมี โดยเฉพาะเมื่อมีลูกในวัยแบเบาะที่ยังไม่สามารถบอกเราได้ว่ามีอะไรที่ไม่สู้ดีเกิดขึ้นกับพวกเขา เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญคือการสังเกตและรู้ทันความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับลูก และเมื่อลูกเติบโตขึ้น การที่เราให้ความสำคัญกับอาการเจ็บป่วยและผิดปกติของร่างกาย ย่อมทำให้ลูกสัมผัสจากประสบการณ์และทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ ถึงสิ่งที่เขาควรให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน
การได้ปลูกฝังให้ลูกเป็นผู้ที่สนใจใส่ใจในสุขภาพร่างกายของตัวเอง จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเป็นเด็กที่มีความฉลาดในการดูแลรักษาสุขภาพ(HQ) ทำให้มีภูมิคุ้มกันโรคที่ดี ช่วยให้ลดอัตราการเจ็บป่วยลงไปได้ เมื่อลูกมีร่างกายแข็งแรงก็จะทำให้เติบโตได้อย่างสมวัย มีชีวิตที่ไม่ต้องคอยเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : raisingchildren.net.au
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อาการที่ต้องพาลูกไปหาหมอ วิธีสังเกตว่าลูกป่วย ต้องรีบไปโรงพยาบาล
ลูกป่วยหนัก เพราะติดโรคจากเด็กที่ถูกนำมาฝาก
ลูกร้องไห้งอแง ทารกร้องแบบไหนเรียกว่าผิดปกติ?
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่