5. ร้องเพราะเพลียเหนื่อยล้า
คุณพ่อคุณแม่บางคน ชอบเล่นกับลูกตลอดเวลาจนเรียกว่ามีอาการขี้เห่อ คือไม่ให้ลูกได้ว่างเอาเสียเลย เพราะเด็กน่ารักน่าเอ็นดู ซึ่งอาจทำให้หนูน้อยเพลีย และหงุดหงิดง่าย ๆ ความจริงเด็กแรกเกิดไม่ควรไปวุ่นวายกับเขามาก การกอดจูบบ่อย ๆ ไม่ควรทำ เพราะเด็กแรกเกิดจะยังอยู่ในช่วงที่บอบบาง ถ้าเราเจ็บป่วยจะนำไปยังเด็กได้ เด็กบางคนร้องลั่น แล้วเสียงค่อย ๆ เบาลงและหลับไป แสดงว่าเขาเพลียและรำคาญที่พวกผู้ใหญ่ไปวุ่นวายกับเขามาก
6. ร้องเพราะรู้สึกไม่สบาย
คุณแม่ควรหมั่นตรวจเช็คความสมบูรณ์ของลูกอยู่เสมอ ถ้าลูกมีอาการที่ดูผิดปกติเช่น หงุดหงิด ซึม อ่อนเพลีย ร้องกวนอย่างกระวนกระวาย อยู่ไม่สุข ซึ่งอาจจะมีไข้ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำยิ่งถ้าวัดอุณหภูมิในร่างกายแล้วพบว่า เกิน 38 Co ยิ่งต้องรีบพามาพบแพทย์ เพราะเด็กช่วยอายุ 1-2 ปี แม้จะมีโรคติดเชื้อเล็กน้อยก็มีไข้สูงได้
7. ร้องเพราะต้องการการห่อหุ้มและอุ้มไว้
เด็กแรกเกิดรู้สึกคุ้นเคยกับความอบอุ่นมาจากในครรภ์ของแม่ ให้คุณลองห่อผ้าให้กระชับและอุ้มเขาขึ้นพาดบ่าของคุณ จะรู้สึกได้เลยว่าเขาจะหดแขนขากอดรัดคุณเพื่อค้นหาความอบอุ่นจากอกแม่จะทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นและร้องน้อยลงไม่ได้หมายความว่า
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำเมื่อเจ้าตัวเล็กร้องไห้งอแง
1. กอดลูกไว้แนบอก
บ่อยครั้งเลยที่เด็ก ๆ ร้องไห้งอแงแล้วถูกคุณแม่อุ้มปุ๊บ เขาจะหยุดร้องได้เร็ว ผนวกกับเสียงเพลงกล่อมเด็กจากคุณแม่แล้ว ทั้งสองสิ่งจะช่วยให้เกิดความสงบและรู้สึกถึงความปลอดภัยสำหรับเด็กได้ดีขึ้น เหมือนกับช่วงที่อยู่ในครรภ์มารดาเลย
2. การนวด
การนวดคลึงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายลูกน้อย ช่วยคลายความเครียดที่เป็นอีกตัวการสำหรับการร้องไห้ของลูกน้อย การนวดสำหรับเด็กจะช่วยให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลนั้นลดลง ซึ่งฮอร์โมนนี้เป็นตัวทำให้เกิดความเครียดในเด็กได้
3. ให้ฟังเพลง
เด็กคุ้นเคยกับเสียงหัวใจเต้นของแม่มาตั้งแต่อยู่ในท้อง เพราะฉะนั้นถ้าอุ้มลูกน้อยแนบอกแม่ให้ชิดตรงตำแหน่งที่เป็นหัวใจแม่ ลูกจะร้องน้อยลง นอกจากนี้ทารกแรกเกิดจะตอบสนองต่อเสียงดนตรีได้ดี ทั้งนี้อาจเพราะเสียงจังหวะดนตรีนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบบใด คลาสสิค แจ๊ส ร็อค มักมีจังหวะตี ซึ่งเป็นจำนวนที่พอ ๆ กับเสียงหัวใจเต้นของคนพอดี
4. การเคลื่อนที่
เด็กบางคนชอบให้อุ้มแค่นั้นก็พอแล้วเขาก็จะเงียบไปเอง แต่บางครั้งเด็กชอบให้อุ้มโยกตัวไปมาบนเก้าอี้โยก หรือไกวเปลไปมาเบา ๆ ซึ่งพอ ๆ กับจังหวะการเต้นของหัวไจ 60-100 ครั้ง/นาที เด็กจะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับจังหวะนั้นคล้ายจังหวะที่ลูกเคยได้ยินตอนที่อยู่ในท้องแม่ ซึ่งเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจแม่
5. ลูบท้องอย่างแผ่วเบา
การลูบท้อง หรือหลังอย่างแผ่วเบาจะทำให้เด็กเรอออกมาหรือผายลม จะทำให้ลูกรู้สึกสะบาย ควรยึดถือปฏิบัติหลังจากลูกดื่มนมทุกมื้อ เพราะเป็นการไล่ลมที่เต็มกระเพาะหลังจากลูกดื่มนมเสร็จแล้ว มิฉะนั้นแกจะเกิดอาการจุกเสียดไม่ยอมนอนได้
6.การให้นมลูก
คุณแม่ควรจัดท่าในการให้นมลูกที่สบายที่สุด พร้อมทั้งการทรงตัวของลูกน้อยให้ผ่อนคลาย เมื่อให้นมเขาอิ่มแล้วเขาจะหลับไปควรนวดตามแขนขา และนิ้วอย่างแผ่วเบาจะทำให้เขารู้สึกสบายขึ้น เมื่อคุณให้นมลูกนานพอควรจนรู้ใจกัน คุณจะแปลกใจในการไหลของนม เช่นพอลูกเริ่มร้อง เมื่อถึงเวลาให้นม น้ำนมคุณก็จะไหลออกมาเอง
สุดท้ายนี้ขอให้อย่าลืมใส่ใจกับตัวเองบ้าง
สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เหนื่อยยาก และวิตกกังวล ซึ่งไม่ใช่การเจ็บป่วยของลูกแต่เด็กปกติดี ถ้าคุณแม่อดทนรอจนครบ 3 เดือน เด็กที่ร้องมาก ๆ คุณแม่ไม่ควรไปวุ่นวายกับเขามาก คุณควรหาเวลาให้กับตัวเองบ้าง หางานอดิเรกทำ เช่น
– ออกไปเดินเล่น คุยกับเพื่อนบ้าน หรือญาติใกล้ ๆ บ้าง
– ผลัดเวรกันดูแลกับคุณพ่อ อาจจะให้คุณพ่อช่วยเห่กล่อม ส่วนคุณแม่ก็ไปเปิดสมอง
– ทำใจให้สบาย ปลดปล่อยอารมณ์ที่ต้องทนกับการฟังเสียงลูกร้องบ้าง สุขภาพจิตจะได้ดีขึ้น
ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ
credit :www.lovekid.com