ขั้นตอนการเตรียมตัว ฝึกลูกนอนเอง นอนยาว แบบ Cry it out
เพราะวิธีการนี้จะเป็นการหักดิบ คือจะไม่กล่อมลูกและไม่ตื่นมาคอยหรืออุ้มกล่อมลูกอีกเลย ดังนั้น แน่นอนว่าลูกจะต้องร้องแทบขาดใจแน่ ๆ เพราะจากที่ลูกเคยชินกับการมีคนมาคอยกล่อม กลับต้องฝึกนอนเอง แล้วทำไมลูกถึงต้องนอนเอง ทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงไม่กล่อมลูกไปเรื่อย ๆ ล่ะ? นั่นเป็นเพราะว่า จากการวิจัย เด็กในวัย 6 เดือนขึ้นไป ไม่จำเป็นต้องกินมื้อดึกแล้ว การนอนได้ยาวตลอดคืน นอกจากจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว ยังช่วยให้ Growth Hormone หรือ ฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องการเจริญเติบโตของลูก ได้ทำงานอย่างเต็มที่อีกด้วย ดังนั้น เด็กในวัย 6 เดือนขึ้นไปจึงไม่มีความจำเป็นต้องตื่นขึ้นมากลางดึกอีกแล้ว แต่การตื่นขึ้นมากลางดึกบ่อย ๆ นั้น ไม่ได้เป็นเพราะหิว (ในกรณีที่ตอนกลางวันกินนมอย่างเพียงพอ) แต่เป็นเพราะเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว กลับไปนอนต่อเองไม่ได้ เพราะไม่มีทักษะในการนอนต่อ!
การนอนต่อต้องใช้ทักษะ!
วงจรการหลับ ประกอบไปด้วยการหลับไม่ลึก(ครึ่งหลับครึ่งตื่น) ไปจนถึงหลับลึกแล้วกลับมาครึ่งหลับครึ่งตื่นอีกครั้งวนเวียนไปแบบนี้หลายๆรอบจนเช้า สำหรับผู้ใหญ่ในวงจรนึงจะยาวประมาณ 90นาที แต่ในเด็กจะยาวประมาณ 30-50นาทีเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่ทำให้เด็กตื่นบ่อย ๆ หรือหลับกลางวันแค่ครึ่งชั่วโมง เพราะว่าพอจบวงจรนึงแล้วในช่วงรอยต่อจากครึ่งหลับครึ่งตื่นแทนที่จะต่อไปหลับลึกแต่เด็กกลับกลายเป็นตื่นขึ้นมาเลยและกลับไปหลับต่อไม่ได้หรือได้แต่ใช้ความพยายามมากกว่าผู้ใหญ่ แล้วทำไมเด็กถึงหลับต่อไม่ได้ล่ะ? เพราะการทำให้ตัวเองหลับต้องใช้การฝึกฝน สำหรับเด็กทารกที่ไม่รู้ว่าหลับยังไงเค้าจะต้องการตัวช่วยทุกครั้งที่หลับ เช่น จุกหลอก ดูดนมแม่ แกว่งให้หลับ อุ้มให้หลับ ตบก้น เขย่าขา กัดผ้าเน่า เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรฝึกให้ลูกได้นอนหลับเองให้เป็น ฝึกลูกนอนเอง ได้ดังต่อไปนี้
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
- เตียงนอนเด็ก ไม่ว่าจะเป็นแบบไม้ซี่ ๆ หรือ แบบพลาสติก (Playpen) หรือจะเป็นเตียงนอนแบบไหนก็ได้ที่มีคอกกั้นไม่ให้เด็กปีนออกมาได้ และต้องเป็นเตียงที่จะต้องมั่นใจได้ว่าเมื่อลูกร้องหรือเขย่าเตียง ก็จะไม่หล่นออกนอกเตียงหรืออาจจะมีอุบัติเหตุอื่น ๆ ได้ เช่นไม่ควรมีผ้าห่มหนา ๆ อยู่ในเตียง ซี่ไม้ระหว่างเตียงต้องไม่ห่างกันจนลูกเอาหัวออกมาได้ เป็นต้น
- เสียง White Noise ไม่ว่าจะเป็นเสียงเครื่องดูดฝุ่น เสียงแอร์ เสียงฝนตก หรือเสียงฮัมเพลงเบา ๆ ข้อดีของไวท์น๊อยซ์ คือช่วยเลียนแบบเวลาทารกอยู่ในท้องแม่ ในท้องแม่จะมีเสียงด้งมาก ๆ ตลอดเวลามันทำให้เค้าอบอุ่นและรีแลกซ์เพราะสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย
- Baby monitor เอาไว้คอยดูลูก อันนี้สำคัญมาก เพราะตอนเราทำ เราต้องออกมานอกห้อง และต้องคอยดูเจ้านี่ไว้ ไม่ให้ลูกเกิดอันตราย แต่ถ้าไม่อยากซื้อเพราะ baby monitor มันแพง ก็ซื้อกล้อง IP Cam แทนได้ เพราะสามารถดูผ่านมือถือได้ทั้งพ่อแม่เลย คุณพ่อก็ใช้ IP Cam ในการดูลูก
อุปกรณ์พร้อมแล้ว มาวางแผนกันก่อน ฝึกลูกนอนเอง
ก่อนจะเริ่ม ฝึกลูกนอนเอง คุณพ่อคุณแม่ควรวางแผนก่อนค่ะ โดยคุยกันก่อนว่าใครที่น่าจะทนไม่ไหวหากลูกร้องไห้นาน ๆ ก็ควรจะแยกห้องไปนอนที่ ๆ ไกลเสียงร้องของลูก และควรจะเลือกวันที่ไม่มีแฟนคลับ นั่นก็คือ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย มาอยู่ด้วย เพราะแผนการที่วางไว้อาจจะเสียได้เพราะความใจอ่อนของแฟนคลับนั่นเองค่ะ (ในกรณีที่อยู่บ้านเดียวกันกับแฟนคลับ ควรทำความเข้าใจกันก่อนว่าวิธีนี้จะช่วยให้หลานได้นอนยาวนอนเป็น
เมื่อวางแผนแล้ว สิ่งสุดท้ายที่ต้องเตรียมก็คือ “ใจ” และการเตรียมการอย่างอื่น ๆ จะบอกว่า 90% ของความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับใจของคุณพ่อคุณแม่ สำคัญมากๆๆๆๆๆ เพราะในช่วง 3 วันแรก ลูกจะร้องหนักมาก มากแบบไม่เคยเจอมาก่อน ถ้าพ่อแม่ “ใจ” ไม่แข็งพอ ทุกอย่างจบครับ ส่วนเรื่องการเตรียมอื่น ๆ ก็ได้แก่
- ทำกิจวัตรต่างๆให้เป็น step ก่อนเข้านอน กินข้าวเย็น อาบน้ำ อ่านนิทาน หรือใครที่เคยทำอะไรก่อนนอนอยู่แล้ว ให้ทำตามเดิมได้ ไม่ต้องไปเปลี่ยน เดี๋ยวลูกงง
- ปิดไฟในห้องให้มืด(หรือสลัวๆ) ทำบรรยากาศให้น่านอน เหมือนที่เรานอนกันตามปกติ
- ในกรณีที่ต้องการแยกห้องนอน โดยให้ลูกไปนอนที่ห้องนอนใหม่ แนะนำว่าให้ไปนอนกับลูกในห้องนอนใหม่ด้วยกันก่อน ฝึกลูกนอนเอง 1 อาทิตย์ เพื่อให้ลูกคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่ รวมถึงการใช้ White Noise ควรเปิด White Noise ในเวลาที่ลูกนอน 1 อาทิตย์ก่อน ฝึกลูกนอนเอง เช่นกัน
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ เริ่มขั้นตอนการ ฝึกลูกนอนเอง