ตัดขนตาลูก ช่วยให้ลูกขนตางอนยาว ได้จริงหรือ?

เมื่อตัดขนตาใหลูก ขนตาจะสั้นและทื่อทำให้ระคายเคืองดวงตา

หลังจากที่แพทย์ได้ฟังเช่นนั้นจึงได้ตรวจดวงตาของหนูน้อยอย่างละเอียด “ขนตาของเด็กโดนตัดออกไป นี่เป็นขนตาที่ขึ้นใหม่” แพทย์กล่าวว่าขนตาที่กำลังจะงอกขึ้นใหม่ ทั้งสั้นและหนาทำให้เวลาที่เด็กกระพริบตา ขนตาอาจจะทิ่มตาทำให้ระคายเคือง ซึ่งมีผลกระทบต่อดวงตาและการมองเห็นของเด็กโดยตรง

ทารกจะมีขนตางอกเพิ่มขึ้นทุกๆ เดือน ไม่ควรตัดเอง

จักษุแพทย์ระบุว่าขนตาเป็นสิ่งที่คอยปกป้องและถนอมดวงตา เมื่อตัดแล้วก็จะกลายเป็นทำให้ดวงตาระคายเคืองได้

ความยาวและความหนาของขนตานั้นเกิดจาก

เด็กจะมีขนตาที่หนางอนยาวได้นั้นมีหลายสาเหตุทั้งทางพันธุกรรมและโภชนาการ การตัดขนตาไม่ได้ทำให้ขนตายาวขึ้น แต่ยังเป็นการทำร้ายดวงตาของทารก เมื่อไม่มีขนตาคอยดักจับฝุ่นละออง ดวงตาอาจระคายเคืองทำให้เกิดการติดเชื้อได้

โดยทั่วไปขนตาจะผลัดเซลล์งอกใหม่อยู่เสมอ สำหรับเด็กทารกจะผลัดเซลล์ทุกๆ1เดือน สำหรับเด็กโตทุก 2 เดือน ส่วนผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 3 เดือน ดังนั้นพ่อแม่เองไม่ควรตัดขนตาให้กับลูกน้อยเพราะขนตาที่แข็งทื่อเป็นตอนั้นทำให้หนูน้อยเกิดการระคายเคืองและนำไปสู่การติดเชื้อที่ดวงตา ปล่อยให้กระบวนการผลัดเซลล์เกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ดีที่สุด

◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊◊

การดูแลขนตาให้ยาว

หาวัสดุที่คุณมีอยู่แล้วในบ้าน ไม่ต้องเสียตังซื้อเพิ่ม เช่น  วาสลีนปิโตรเลียมเจล น้ำมันงา น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าว เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง

ขั้นตอนง่ายๆ ในการดูแลขนตาให้ยาว

• ใช้นิ้วแตะวาสลีนหรือน้ำมันงา  มานวดที่ปลายนิ้ว  ประมาณ หัวไม้ขีด (กะพอประมาณ)
• ทาตั้งแต่โคนขนตาถึงปลายขนตาให้ทั่ว ทั้งขนตาบน ขนตาล่าง และเปลือกตาบน  ขอบตาล่าง เหมือนทาอายครีม
• ไม่ควรทามากไปจนเยิ้มเข้าดวงตา อาจจะเป็นอันตรายต่อดวงตาได้  เอาแค่พอประมาณ

 

วิธีดูแลขนตานี้ควรจะทำประจำทุกวันก่อนนอน  จะช่วยให้ขนตาแข็งแรงจึงทำให้ขนตายาว  หนาเป็นแพได้นั่นเองค่ะ  อีกทั้งยังช่วยลดการหลุดร่วงของขนตา และสำหรับคนที่มีปัญหาตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า วิธีนี้สามารถช่วยให้รอบดวงตาชุ่มชื่นขึ้นมากๆ ค่ะ

อ่านต่อ “บทความอื่นน่าสนใจ” คลิก!

• อัญชัน ช่วยให้คิ้วเด็กดกดำขึ้นจริงหรือ?
• อาหารที่ช่วยให้ลูกน้อยผมดกดำตั้งแต่อยู่ในท้อง
• คำสอนโบราณเรื่องการเลี้ยงลูก เชื่อได้จริงหรือ!
• 10 ความเชื่อแปลกๆ เกี่ยวกับลูกเบบี๋ที่แม่ควรรู้!

---

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.healthcarethai.com , carewhite.blogspot.com , www.manyum.co