ทำไมต้องช่วยเหลือผู้อื่น? จิตอาสา พาชีวิตดีขึ้นอย่างไร? - Amarin Baby & Kids
จิตอาสา

ทำไมต้องช่วยเหลือผู้อื่น? จิตอาสา พาชีวิตดีขึ้นอย่างไร?

Alternative Textaccount_circle
event
จิตอาสา
จิตอาสา

ฝึกลูกให้มีนิสัยชอบช่วยเหลือผู้อื่น มี จิตอาสา ตั้งแต่เด็ก จะสร้างผลประโยชน์มหาศาลทั้งกับตัวลูกเอง และผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี มาดูกันว่าการช่วยเหลือผู้อื่น จะช่วยให้ชีวิตลูกดีขึ้นได้อย่างไร

ทำไมต้องช่วยเหลือผู้อื่น? จิตอาสา พาชีวิตดีขึ้นอย่างไร?

ถ้าเราต้องการความสุขเพียงชั่วยาม…ให้งีบหลับ

ถ้าเราต้องการความสุขทั้งวัน…ให้ไปตกปลา

หากเราต้องการความสุขทั้งชีวิต…ให้ช่วยเหลือผู้อื่น

จะเห็นได้ว่าการช่วยเหลือผู้อื่นทำให้เราเกิดสุข เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม สัตว์สังคม คือ สัตว์ที่โดยธรรมชาติแล้วต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม มีความสัมพันธ์ อาศัยพึ่งพากัน นอกจากความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว การมี จิตอาสา สามารถช่วยพัฒนาตัวเราให้มีความคิดในด้านบวก และสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมได้ หากสังคมเต็มไปด้วยการช่วยเหลือกันและกัน ทุกคนก็จะมีความสุขมากขึ้น เพราะทุกคนจะได้พบความสุขจากการช่วยเหลือกันและกัน สุขใจที่ได้ให้และสุขใจที่ได้รับ มาดูเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรช่วยเหลือผู้อื่นกันค่ะ แล้วเราจะเห็นได้ว่าการช่วยเหลือซึ่งการมีประโยชน์มากแค่ไหน

5 ประโยชน์ของการช่วยเหลือผู้อื่น

  1. ทำให้เกิดความสุข

อย่างที่เคยกล่าวไปข้างต้นว่า หากเราต้องการความสุขทั้งชีวิต…ให้ช่วยเหลือผู้อื่น ใช่ค่ะ การช่วยเหลือผู้อื่นทำให้เกิดความสุขได้จริง นี่ไม่ใช่การกล่าวลอย ๆ เคยมีงานวิจัยซึ่งได้ผลว่าการทำกิจกรรม จิตอาสา ช่วยเพิ่มความสุขให้แก่ อาสาสมัครคนนั้น และในอีก 1 วิจัยได้กล่าวไว้ว่าการช่วยเหลือผู้อื่นโดยการให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้เงิน หรือให้สิ่งของ ก็ทำให้ผู้ให้ได้พบกับความสุขที่เพิ่มขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “helper’s high” เพราะการช่วยเหลือผู้อื่นจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดฟีน สารที่ทำให้เกิดความสุขได้นั่นเอง

2. เชื่อมความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดีขึ้น

เมื่อคุณช่วยเหลือผู้อื่น จะทำให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ให้กันและกัน และจะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ทำให้เกิดความสนิทสนมกันได้ง่ายขึ้น และผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ ได้ช่วยเหลือเรากลับ เราก็จะเกิดความรู้สึกดีกับคน ๆ นั้นเช่นกัน จนเกิดการแบ่งปันกันในสังคม

3. สามารถปรับตัวและรับมือกับความเครียดและปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

การช่วยเหลือผู้อื่นไม่ทำให้เราเกิดความเครียดมากขึ้น แถมยังสอนให้เราปรับตัวและรับมือกับความเครียดและปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้นอีกด้วย เพราะการได้รับรู้ปัญหาของผู้อื่น และเราได้ช่วยลงมือแก้ไขปัญหานั้น ๆ จะเป็นบทเรียนให้ตัวเรารู้จักรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราได้ในอนาคตนั่นเอง

5. ทำให้มีชีวิตยืนยาวขึ้น

หากอยากมีชีวิตยืนยาว ให้เป็นผู้ให้ การช่วยเหลือผู้อื่นช่วยให้:

  • ลดความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้น
  • การไม่มีความเครียดจะลดอัตราเสี่ยงที่จะเสียชีวิตลง 22%
  • การช่วยเหลือผู้อื่นดีต่อสุขภาพจิต

ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นการกอด การประสานสายตา การยิ้ม จะช่วยให้เราหลังฮอร์โมนที่ชื่อว่า Oxytocin (ออกซิโทซิน) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ฮอร์โมนแห่งความรัก ฮอร์โมนนี้จะช่วยให้เราจัดการกับความเครียดได้ดี เมื่อเราไม่มีความเครียด ก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้น

5. ช่วยให้รู้จักความหมายของชีวิต

ความหมายในชีวิต คือ การรับรู้ของคนเราถึงเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของตนเอง เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจดำรงชีวิตอยู่อย่างมั่นคงเมื่อเผชิญกับอุปสรรคหรือวิกฤตของชีวิต ความหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวในลักษณะของการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตอย่างมุ่งมั่น และมีทัศนะต่อชีวิตที่เข้มแข็งเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ต่อได้ การช่วยเหลือผู้อื่นจึงทำให้เรามีเป้าหมายในการใช้ชีวิตมากขึ้นนั่นเอง

ช่วยเหลือผู้อื่น
ช่วยเหลือผู้อื่น

วิธีปลูกฝังให้ลูกรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น

สังคมในยุคสมัยนี้ ที่มีสังคมออนไลน์มาเป็นฉากกั้นให้เราได้พูดคุยกันนอกจอน้อยลง ติดต่อกันน้อยลง สัมผัสถึงอารมณ์และความรู้สึกกันได้น้อยลง การช่วยเหลือกันและกันจึงทำได้น้อยลง จึงทำให้การปลูกฝัง จิตอาสา ให้ลูกทำได้ยากขึ้น ทีมแม่ ABK ขอนำบทความจาก Rama Chanel ที่ได้กล่าวถึงวิธีปลูกฝังลูกให้รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ดังนี้

  1. การช่วยเหลือทางกาย

การช่วยเหลือทางกาย คือการช่วยเหลือเมื่อบุคคลอื่นกำลังประสบกับปัญหาทางกาย เช่น

    • ให้ความช่วยเหลือ หากพบว่า มีคนเอื้อมมือหยิบของบนที่สูงไม่ถึง (ถ้าคุณตัวสูงพอ)
    • หากกำลังจะเปิดประตูเข้าอาคารห้างร้าน แล้วพบว่า มีคนเดินตามาข้างหลัง แค่เปิดประตูค้างไว้นานอีกนิด เผื่อให้คนที่ตามมาข้างหลังได้เข้ามาด้วยก็จะเป็นการแสดงความเอื้อเฟื้อต่อเขาด้วยเช่นกัน
    • ให้ความช่วยเหลือกับเด็ก คนอ่อนแอ หรือสัตว์เลี้ยงที่ถูกกระทำรุนแรง
    • หากทราบว่า เพื่อนบ้าน คนรู้จักป่วย ลองให้ความช่วยเหลือแก่เขาเหล่านั้น เช่น ส่งอาหารอร่อย ๆ ไปให้ ไปเยี่ยมเป็นเพื่อนพูดคุยคลายเหงา จะช่วยให้คนป่วยรู้สึกดีขึ้น
    • ทำขนมอร่อย ๆ และแบ่งให้เพื่อนบ้านลองชิม
    • หากคุณพบว่ามีคนประสบปัญหาทางการเงิน หรือประสบภัยพิบัติ ลองให้ความช่วยเหลือโดยการซื้อของใช้จำเป็นไปมอบให้
    • ให้ความช่วยเหลือกับเด็ก คนชรา ที่กำลังรอข้ามถนน หรือต้องขึ้นลงรถโดยสารประจำทาง

2. การช่วยเหลือทางวาจาและจิตใจ

การพูด การให้กำลังใจ หรือการใช้อวัจนภาษา เพื่อให้บุคคลอื่นรู้สึกดีขึ้น มองเห็นทางสว่างหรือทางออกของปัญหาได้ ก็ถือเป็นการช่วยเหลือได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น

    • ยิ้มและทักทายคนรู้จักด้วยไมตรีจิต
    • กรณีที่คุณได้รับบริการพิเศษ หรือเกิดเรื่องประทับใจใด ๆ ขึ้นกับหน่วยงานที่คุณเข้าไปติดต่อ เช่น ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่อย่างดี ไม่ตะคอกใส่ ไม่เพิกเฉยต่อคำร้องเรียนของคุณ ลองเขียนจดหมายบอกเล่าถึงความดีของเจ้าหน้าที่คนนั้นส่งไปให้องค์กรของเขาได้รับทราบ
    • เมื่อมีคนพยายามจะเปิดวงนินทา แล้วคุณบังเอิญอยู่ในวงนั้นพอดี ขอให้ลองชวนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หรือไม่ก็หางานอย่างอื่นทำ
    • ให้กำลังใจเพื่อน หรือคนรู้จัก หากทราบว่า เขาเจอเรื่องแย่ ๆ มา
    • หากคุณมีหนังสือดี ๆ และต้องการมอบมันให้กับใครสักคนที่ต้องการกำลังใจ ลองวางในที่ที่คาดว่า จะมีคนมาพบ และหยิบมันขึ้นดูแน่ ๆ เช่น บนเก้าอี้รถเมล ในสวนสาธารณะ จะดียิ่งขึ้น หากคุณเขียนโน้ตบอกผู้ที่มาหยิบหนังสือนี้ว่า ขอให้ผู้ที่หยิบขึ้นมาอ่านรู้สึกดี ๆ กับหนังสือเล่มนี้เหมือนที่คุณรู้สึก และแบ่งปันให้กับคนอื่น ๆ ต่อไป
    • ลองชวนลูกเขียนจดหมาย -ส่งข้อความดี ๆ หาเพื่อน หาคุณตาคุณยาย คนรู้จัก

สิ่งต่าง ๆ ที่เขียนมานี้ ในบางข้อลูกจะยังไม่สามารถทำได้เองหรอกค่ะ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องเป็นตัวอย่างที่ดี โดยการทำให้ลูกเห็นเป็นประจำ เพื่อปลูกฝังนิสัยดี ๆ เหล่านี้ให้ลูกได้นำไปใช้เมื่อโตขึ้น เพราะหากพ่อแม่ไม่ทำให้ลูก ๆ ดูก่อน เด็กก็คงไม่ยอมทำตาม ดังนั้น หากต้องการให้ลูกรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น เราต้องช่วยเหลือผู้อื่นให้ลูกเห็นก่อนค่ะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

โครงการจิตอาสา สอนลูกช่วยสังคมได้ง่าย ๆ แม้อยู่บ้าน

ท่องศีล5 ลูกได้แค่จำ ลองวิธีใหม่ช่วยเข้าถึงแก่นธรรมง่ายๆ

ลูกเก่งรอบด้าน แค่เพียงแม่ชวนลูก “นั่งสมาธิ”

5 ลักษณะนิสัยของเด็ก “อารมณ์ดี” มีความมั่นคงทางจิตใจ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : dosomethingcool.net, www.rama.mahidol.ac.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up