ทำงานบ้าน ใช่แค่เรื่องของแม่บ้าน หมอแนะงานบ้านช่วยสร้างคน สร้างลูก ให้มีพัฒนาการที่ดีหลายด้าน อีกทั้งยังฝึกความรับผิดชอบ และการแก้ปัญหา มารีบฝึกลูกกันเถอะ
ฝึกลูก ทำงานบ้าน ให้อะไรมากกว่าที่คิด งานบ้านสร้างลูก!!
ปัจจุบันพ่อแม่ให้ความสำคัญกับพัฒนาการของลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นในด้านใด แต่รู้หรือไม่ว่า กิจกรรมเสริมพัฒนาการของเด็กนั้น หาได้ง่าย ๆ เพียงแค่การ ทำงานบ้าน
งานบ้าน ยิ่งทำแต่เด็กยิ่งได้ ยิ่งดี
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้แนะนำ “งานบ้าน สร้างลูก” ผ่านเว็บไซต์เพื่อนครอบครัว.com ระบุว่า การเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้ทำงานบ้านอย่างเหมาะสมกับช่วงวัย เป็นการฝึกลูกได้ดีที่สุด ทั้งฝึกความรับผิดชอบ มีวินัย อดทน ละเอียดรอบคอบ และยังฝึกการรู้จักวางแผน ลงมือทำ แก้ปัญหา และเห็นคุณค่าของตัวเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ข้อมูลอ้างอิงจาก www.matichon.co.th
ฝึกลูก ทำงานบ้าน ของดีประโยชน์เยอะ!!
- กิจกรรมร่วมศึกษากันและกัน
ความสัมพันธ์พ่อแม่ และลูก อาจมีสายสัมพันธ์กันมาตั้งแต่แรกเกิดก็จริง แต่การที่เราจะศึกษาความคิดอ่าน นิสัยใจคอของกันและกันนั้น คงต้องใช้เวลาในการอยู่ร่วมกัน ที่มิใช่เพียงแค่อยู่ร่วมบ้าน ร่วมสถานที่กันเฉย ๆ การที่ครอบครัวมีกิจกรรมร่วมกัน จะเป็นการดีที่เราจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน การทำงานบ้านเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะสมาชิกในครอบครัวจะได้ปฎิสัมพันธ์ร่วมกัน พ่อแม่ได้สังเกตลูกว่า เขาชอบอะไร มีวิธีคิดในการจัดการปัญหาอย่างไร การจัดการอารมณ์ และการวางแผนของลูกนั้น มีจุดไหนที่เราสามารถเข้าไปเสริมได้บ้าง และข้อดีที่สำคัญของการทำงานบ้าน คือ เป็นกิจกรรมที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทำได้เลย เริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหม
- ฝึกทักษะ และพัฒนาการ
ทักษะ EF นั้นเป็นพื้นฐานจำเป็นที่เด็กต้องมี เพราะช่วยในเรื่องการควบคุมตนเอง และจัดระเบียบตนเอง เขาจะสามารถดูแลตนเองได้โดยไม่ต้องมีใครมาคอยควบคุม สั่งการ เด็กที่มี EF สูงจะประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งการทำงาน การเรียน และช่วยแก้ปัญหาด้านพฤติกรรมอื่น ๆ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรชวนลูกลงมือทำงานบ้านโดยเลือกกิจกรรมให้เหมาะสมตามวัยของลูก งานบ้านเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ลูกได้ฝึกทักษะดังกล่าว ขึ้นชื่อว่า งาน แล้วย่อมมีกระบวนการในการจัดการให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ดังนั้นการให้ภาระงานง่าย ๆ แบบ “งานบ้าน” กับลูก จึงนับว่าเป็นการฝึกความคิด ทักษะของลูกได้เป็นอย่างดี
นอกจากพัฒนาการทางด้านสติปัญหา และการแก้ปัญหาแล้ว งานบ้านยังเป็นการฝึกพัฒนาการทางด้านร่างกาย กล้ามเนื้อทุกส่วน จากการเคลื่อนไหวท่าทางต่าง ๆ ขณะทำงานบ้านอีกด้วย
- วัยเลียนแบบ
การฝึกลูกทำงานบ้านในวัยเด็กนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเด็กมักจะมีนิสัย เลียบแบบ โดยเฉพาะพ่อแม่ การที่คุณพ่อคุณแม่ทำงานบ้าน และชวนลูกมาช่วยกันทำนั้น เป็นเรื่องสนุกของเขาเลยทีเดียว แต่ที่ยากเห็นจะเป็นพ่อแม่เสียเอง ที่กลัวความยุ่งยาก และไม่เรียบร้อยของงาน จงตัดความคิดส่วนนี้ แล้วมาสนุกกับการทำงานบ้านกับลูกกันเถอะ เพราะเขาจะฝึกเลียนแบบการทำงาน และความรับผิดชอบจากพ่อแม่ได้ดีทีเดียว
งานบ้านตามวัย ให้อะไรมากกว่าที่คิด!!
2-3 ปี
เมื่อลูกอายุ 2-3 ปี เด็กวัยนี้อยากทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ โดยเฉพาะการเลียนแบบผู้ใหญ่ งานบ้านที่สามารถให้ลูกวัยนี้ช่วยทำได้ เช่น
- ช่วยเก็บที่นอนของตนเองเมื่อตื่นนอน
- เก็บหนังสือนิทานหลังจากอ่านเสร็จแล้วเข้าที่
- เอาเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่แล้วไปไว้ในตะกร้าผ้า
- ให้อาหารสัตว์เลี้ยง โดยมีพ่อแม่ช่วย
- เก็บของเล่นที่ตัวเองเล่นเข้าที่เมื่อเล่นเสร็จ
4-7 ปี
เด็กวัยนี้สามารถให้ทำงานบ้าน โดยอาจเพิ่มภาระงานในการจัดตารางเวลา ให้ลูกทำงานให้ตรงตามตารางเวลา เพิ่มหน้าที่ ความรับผิดชอบของลูกให้เขาสามารถจัดการดูแลเวลาของตนเองได้ แต่ไม่ควรคาดหวังว่าลูกจะทำได้ 100% เป็นการฝึกฝน หากเขาทำได้ดี ได้รับคำชมเชย หากยังทำได้ไม่ดีพอควรแนะนำ ไม่ควรดุด่าว่ากล่าว เพราะอาจทำให้เด็กหมดกำลังใจในการทำงานของตนเอง งานบ้านที่เหมาะสมในวัยนี้ ได้แก่
- ช่วยซักผ้าตากผ้า
- รดน้ำต้นไม้
- เก็บที่นอน จัดเตียงหลังตื่นนอนด้วยตนเอง
- ช่วยจัดโต๊ะอาหาร ช่วยจัดจาน ตักข้าว ให้ตนเอง และทุกคนในครอบครัว
- เอาจานไปวางที่อ่างล้างจานหลังรับประทานอาหารเสร็จ
- จัดกระเป๋าไปโรงเรียนเอง โดยพ่อแม่อาจช่วยดูตารางสอน
8-10 ปี
เด็กอายุ 8-10 ปี เด็กอายุเท่านี้เริ่มมีพัฒนาการทางด้านร่างกายสมบูรณ์ขึ้น สามารถหยิบจับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ว่องไว ไม่ค่อยผิดพลาด ชอบเรียบรู้ ลองผิดลองถูก แต่ยังไม่รอบคอบเท่าไหร่นัก ดังนั้นการได้ฝึกลูกในวัยนี้จะช่วยให้เขาได้เรียนรู้จากการทำงานบ้านได้เป็นอย่างดี งานบ้านที่เหมาะกับเด็กวัยนี้ ได้แก่
- พับผ้าห่ม ปูผ้าปูที่นอนให้ตึง วางหมอนไว้ที่หัวเตียง
- ซักผ้า ตากผ้า ฝึกรีดผ้า
- หัดทำอาหารง่าย ๆ เช่น เจียวไข่ ปลอกเปลือกไข่ โดยมีพ่อแม่คอยสังเกตจนกว่าลูกจะใช้ของมีคมได้คล่องขึ้น
- สอนให้ลูกล้างจาน โดยอาจเริ่มจากจานชาม แก้วพลาสติก แล้วค่อยยกระดับเป็นแก้วน้ำ และจานกระเบื้อง
- จัดกระเป๋านักเรียนด้วยตนเอง
11 ปีขึ้นไป
เด็กอายุ 11 ปีขึ้นไป เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ลูกเริ่มเป็นตัวของตัวเอง อยากทำอะไรด้วยตัวเอง อาจเกิดข้อท้าทายเรื่องการดูแลข้าวของของตนเอง เช่น โต๊ะทำงาน ห้องนอน มุมส่วนตัว เป็นต้น โดยคิดว่านี่เป็นสิทธิ์ส่วนตัวของตนเอง ไม่อยากให้ใครมายุ่ง แต่ทางด้านพ่อแม่ก็ยังคงติดกับความคิดว่าลูกยังเด็ก มักเข้าไปจัดการ บ่นว่าเมื่อเห็นข้าวของไม่เรียบร้อย ซึ่งในความเป็นจริงลูกมีสิทธิตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร พ่อแม่อย่ากระโจนลงไปทำให้ ให้ถือเป็นโอกาสชี้ให้ลูกเห็นความสำคัญในการดูแลใส่ใจ และรับผิดชอบตัวเองและคนรอบข้าง เช่น ทำความเข้าใจกับลูก ว่าถึงจะเป็นพื้นที่ของลูก แต่บ้านเป็นของทุกคน แต่หากพ่อแม่ได้ฝึกลูกมาเสียแต่ต้นในการทำงานบ้าน ปัญหาความขัดแย้งกันดังกล่าวจะไม่ค่อยเกิดขึ้น เพราะเขาจะมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ข้าวของเครื่องใช้ มาตั้งแต่เด็กแล้ว
ถึงอย่างไร หากพ่อแม่มาเริ่มต้นฝึกฝนลูกทำงานบ้านในวัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสายเกินไป สามารถทำได้ โดยอาจต้องใจเย็นสักหน่อยในการสอน เพราะด้วยวัยที่มีความคิดอ่านของตนเองมากกว่าวัยเด็ก งานบ้านสำหรับเด็กวัยนี้สามารถทำได้ทุกอย่าง หากเป็นงานที่ต้องใช้ของมีคม ควรฝึกให้ลูกชำนาญก่อนถึงมอบหมายให้เขาทำเองได้
สิ่งสำคัญคือ พ่อแม่จะต้องค่อยๆ ให้ลูกได้เรียนรู้ แม้ลูกจะทำผลงานไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ต้องอดทน และให้กำลังใจ ที่สำคัญคือ ต้องร่วมกันสร้างความเข้าใจว่างานบ้านไม่ใช่ภาระ ไม่ใช่งานในบทบาทผู้หญิง แต่เป็นงานที่มีคุณค่าที่ทุกคนสามารถทำได้
เคล็ดลับชวนลูกทำงานบ้าน
- ทำงานบ้านให้เป็นเรื่องสนุก หากเป็นเด็กเล็กอาจสอดแทรกเกมสนุกเพื่อจูงใจลูก และกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ด้วยคำพูดของพ่อแม่ เช่น “มาเล่นทายสีผ้าในตะกร้ากัน เสร็จแล้วมาช่วยแม่พับนะจ๊ะ” “ถุงเท้ามีกี่คู่ หนูลองนับสิจ๊ะ” “มาจับคู่ถุงเท้าที่เหมือนกันหน่อยนะ” “พับผ้าให้เป็นสี่เหลี่ยมทำแบบไหนรู้ไหมจ๊ะ” เป็นต้น จากนั้นอย่าลืมคำชมเป็นกำลังใจแก่ลูกด้วย เพราะคำชมของพ่อแม่เป็นรางวัลที่ดีที่สุดของลูกเสมอ โดยคำชมนั้นสามารถปรับเปลี่ยนไปตามวัยของลูก
- ทำงานบ้านให้เป็นเรื่องปกติ นั่นคือ การชวนลูกทำงานบ้านอย่างสม่ำเสมอ ให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกิจวัตรประจำวันทั่วไป เช่น ตื่นนอนแล้วก็พับผ้าห่ม กินข้าวเสร็จแล้วไปล้างจานกัน เสร็จแล้วเช็ดจานให้แห้ง เก็บผ้ามาพับใส่ตู้ โดยคุณพ่อคุณแม่หมั่นทำให้ลูกดูก่อน และทำให้เห็นทุกวัน ชวนลูกทำทุกวันให้เป็นความเคยชิน
ข้อมูลอ้างอิงจาก คู่มือสิ่งเล็ก ๆ ที่สร้างลูก จาก สสส. / คมชัดลึก
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
หมอย้ำ! 4 เหตุผล ห้ามเด็กดูจอ งดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดก่อน 2 ขวบ
เผยสาเหตุที่ ลูกชอบต่อรอง พร้อมวิธีรับมือเมื่อลูกต่อรองเก่ง!
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่