เทคนิคทำโทษลูกแบบไม่ต้องตี แต่ได้ผลดี
-
เทคนิค “เพิกเฉย”
วิธีนี้เหมาะที่จะใช้กับเด็กเล็ก การไม่ให้ความสนใจในพฤต
2. เทคนิค “Time Out”
แม่พริมามักจะใช้วิธีนี้เมื่อลูกทำผิด ทำได้โดย เมื่อลูกทำผิดและเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งจากความโกรธ และความต้องการเอาชนะ พ่อแม่ควรให้ลูกไปอยู่ในที่เงียบ ๆ ที่ไม่มีสิ่งดึงดูดความสนใจ (บริเวณที่ Time Out นั้น ควรจะเป็นสถานที่ ๆ ปลอดภัย ไม่มืด และคุณแม่สามารถมองเห็นได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกรู้สึกไม่ดีกับสถานที่แคบ ถูกปิดตาย และที่ ๆ มืด) ทั้งนี้เพื่อให้ลูกได้ทบทวนการกระทำของตัวเอง ซึ่งระยะเวลาที่ปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว เพื่อทบทวนความผิดของตัวเองนั้นขึ้นอยู่กับอายุของลูก เช่น 1 นาที ต่อ 1 ขวบ หรือจนกว่าลูกจะสงบสติอารมณ์ตัวเองได้ โดยก่อนที่จะเริ่ม Time Out ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าที่ลูกต้องถูก Time Out เพราะอะไร วิธีนี้ดูเหมือนง่าย แต่ก็ไม่ได้ง่ายกับเด็กทุกคน แต่รับรองว่าสามารถช่วยให้ลูกได้รู้จักควบคุมตัวเองได้ดี และยังยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นมากขึ้นอีกด้วย และเมื่อ Time Out ครบตามเวลาที่กำหนดแล้ว ในเวลานั้นลูกก็จะสามารถสงบสติอารมณ์ตนเองได้แล้ว (รวมถึงตัวคุณแม่เองด้วย ที่อาจจะสงบสติอารมณ์ของตนเองได้แล้วเช่นกัน) คุณพ่อคุณแม่ควรคุยกับลูกอีกครั้งโดยในครั้งนี้ควรสอนลูกด้วยเหตุผล
3. เทคนิค “สอนด้วยเหตุผล”
เราอาจจะคุ้นเคยกับบรรยากาศที่พ่อแม่ชอบบ่นด่าลูกด้วยคำพูดเสียงดังและไม่สุภาพ เมื่อลูกตัวเองทำผิด แต่การใช้วิธีแบบนี้จะทำให้ลูกเรียนรู้ว่าการใช้วาจาที่เสียงดังและไม่สุภาพอย่างที่พ่อแม่ทำนั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้เมื่อโกรธ หรือ เมื่อเห็นใครทำผิด เด็กก็เหมือนกระจกเงาที่สะท้อนตัวเรานั่นเองค่ะ ดังนั้นควรสอนและตักเตือนด้วยเหตุผล ควรบอกพวกเขาให้รู้ว่าทำไมสิ่งที่พวกเขาทำลงไปถึงผิด ผิดอย่างไร แล้วต้องแก้ไขอย่างไร การตักเตือนลูกด้วยวาจาที่สุภาพและมีเหตุผลประกอบ ควรมาพร้อมการให้คำแนะนำที่ดี เพื่อให้พวกเขาได้ปรับปรุงตัวเองในวันต่อไป และที่สำคัญลูก ๆ จะสัมผัสได้ว่าการตักเตือนของพ่อแม่คือ การมอบความรักและความหวังดี ไม่ใช่เพราะพ่อแม่โกรธลูก
4. เทคนิค “ทำผิดต้องปรับ”
เทคนิคนี้ เหมาะกับเด็กโตที่พอจะพูดคุยกันเข้าใจได้แล้ว โดยเด็กวัยนี้จะเริ่มมีกิจกรรม สิ่งของ หรือสิ่งที่อยากได้แล้ว วิธีนี้จึงใช้การการตัดสิทธิ์ที่เคยมีเคยได้ หรือ ปรับเป็นเงินหรือสิ่งของที่เป็นของ ๆ โดยก่อนการปรับหรือทำโทษ ควรมีการพูดคุยตกลงกับเด็กว่า เราจะใช้วิธีนี้ในการปรับพฤติกรรม เช่น การงดการดูการ์ตูนที่ชอบ หรืองดขน หรือ การตัดค่าขนมเด็กเมื่อเด็กทำผิด เป็นต้น ซึ่งมูลค่าหรือระยะเวลาในการปรับ ก็แล้วแต่ความเหมาะสมและการตกลงกัน การทำโทษวิธีนี้จะทำให้เด็กเรียนรู้ว่าทำผิดแล้วต้องรับผิดชอบ และทีหลังถ้าไม่อยากเสียอะไรไปต้องไม่ทำผิดอีก
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำโทษด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การตีนั้น คือการไม่ใช้อารมณ์ในการทำโทษ สิ่งที่ควรคำนึงไว้เสมอคือคนที่เรากำลังทำโทษอยู่นั้นคือลูกของเราเอง แม่ตีลูก ลูกเจ็บแม่ก็เจ็บ การใช้อารมณ์ในการทำโทษคนที่เรารักนั้น ไม่เป็นผลดีทั้งกับผู้ที่ถูกทำโทษและผู้ที่ทำโทษทั้งคู่นะคะ
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
วิธีการทำ CPR 3 ขั้นตอนง่ายๆ ช่วยชีวิตได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ลูกเข้าสู่ วัยทอง 2 ขวบ งอแงไร้เหตุผล เพราะอะไรต้องดู!
หมอชี้! วิธีปราบ เด็กร้องไห้ ลูกร้องแบบไหนเรียกเอาแต่ใจ
รวม 84 พฤติกรรม “ทำร้ายจิตใจลูก” สร้างบาดแผลในใจให้ลูกไปจนโต
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.sanook.com, ป้าหมอ สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ, เพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่