แม่ โมโหลูก เปลี่ยนตัวเองด้วย 4 วิธี ไม่ให้เป็นยักษ์มารในสายตาลูก
ทำเป็นไม่สนใจก็แล้ว พูดดีๆ ด้วยก็แล้ว นับ 1-1000 ก็สองรอบแล้ว บอกตรงๆ ว่าไม่ไหวแล้วนะ ลูกจอมแสบทั้งหลายก็ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ จะให้ปล่อยไปลูกจะดีได้อย่างไร พ่อแม่ที่ไหนจะอยากแปลงเป็นมารร้าย น่าสงสัยจริงๆ นิสัยและอารมณ์ไม่น่าปลื้มทั้งหลายที่พ่อแม่เป็นตอนเลี้ยงลูก มีต้นเหตุจาก “ลูก” จริงหรือเปล่า จะจัดการกับภาคยักษ์มารของพ่อแม่อย่างไร ถ้าไม่เป็นมารจะทำอย่างไรให้จอมแสบทั้งหลายรับฟังที่พ่อแม่สอน ลองทำ 4 เคล็ดลับนี้สิคะ
1. สังเกตบุคลิกตัวเอง
ส่วนใหญ่อารมณ์ร้อนหรือพฤติกรรมที่พ่อแม่ใช้แล้วไม่ค่อยได้ผลตอนเลี้ยงลูก อยากให้ลองสังเกตว่า ส่วนหนึ่งก็อาจมาจากลูก แต่อีกส่วนอาจเป็นนิสัยหรือบุคลิกเดิมของคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว เช่น ใจร้อน ขี้บ่น ขี้กังวล ขี้กลัว
2. ยอมรับอารมณ์ที่เกิดขึ้น
ช่วยให้รู้ทันอารมณ์มากขึ้น จะควบคุมได้ดีขึ้น และการบอกให้ลูกรู้ด้วยความสงบว่าตอนนี้พ่อแม่กำลังอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด ก็เป็นวิธีที่ช่วยได้
3. ตัวเองเคยได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยวิธีนี้แล้วได้ผล แต่…
…กับลูกทำไมไม่ได้ผล เช่น ได้รับการเลี้ยงดูมาแบบเข้มงวด มีระเบียบแล้วได้ดี แต่ใช้กับลูกไม่ได้ผล ก็เพราะลูกก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความแตกต่าง และมีความเป็นตัวของเขาเองด้วย ถ้าพ่อแม่เป็นอย่างไรตอนเลี้ยงลูก ลูกก็มักจะซึมซับและเป็นอย่างนั้น เช่น เลี้ยงลูกด้วยอารมณ์ร้อนมากๆ ลูกก็ซึมซับและโต้ตอบกลับทำให้ดื้อมากขึ้น และจะมีเรื่องเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตามวัย
4. ลองทบทวนดูดีๆ ปัญหาเริ่มมาจากไหน
การเลี้ยงลูกที่ดี ควรมีทั้งกฎกติกาจากพ่อแม่และมีโอกาสที่ลูกได้คิดและมีส่วนร่วมคิดด้วย ซึ่งไม่ได้หมายความทุกสิ่งที่ลูกคิดถูกต้องทุกอย่าง เรื่องไหนไม่ควรพ่อแม่ก็ต้องหนักแน่น ไม่ได้คือไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปกติค่ะ ที่แม่จะโมโหลูก โกรธลูกได้ แต่อย่าลืมว่า เราเป็นต้นแบบคนสำคัญของลูกของเรา และแม้ว่าลูกๆ จำเป็นต้องเข้าใจว่า การกระทำของเขาจะส่งผล ให้เขาอาจต้องได้รับการลงโทษ แต่มันไม่จำเป็นที่เราต้องระเบิดอารมณ์ใส่เขาค่ะ ขอเอาใจช่วยแม่ๆ ทุกคนสำหรับการจัดการกับความโกรธของตัวเองนะคะ