22. พระพุทธศาสนาถือว่า
พ่อแม่เป็นพระในบ้านเป็นพระอรหันต์ เป็นพระพรหม เป็นผู้ควรเคารพ เป็นครูของลูก พ่อและแม่ควรทำตนให้สมกับนามเหล่านั้น ลูกจึงจะเคารพสักการะและกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ และลูกก็ย่อมจะภูมิใจที่ลูกได้มีพ่อแม่เช่นนั้น
23. การเลี้ยงลูกที่ถูกต้อง
ควรต้องเลี้ยงทั้งกายและจิตใจ กล่าวคือ ให้ลูกมีความสุขกาย และมีความอบอุ่นใจด้วย การที่พ่อแม่จะทำอย่างนี้ได้ พ่อแม่ก็จะต้องสละเวลาให้แก่ลูกบ้าง การเลี้ยงลูกด้วยเงินเพียงอย่างเดียว อาจจะก่อความผิดหวังให้แก่พ่อแม่ในภายหน้าได้
24. ถ้าพ่อแม่ต้องการให้ลูกมีความกตัญญูและกตเวทีต่อตน
พ่อแม่ก็ไม่จำเป็นจะต้องสอนลูกให้กตัญญูและกตเวทีต่อตนก็ได้ แต่ตัวพ่อแม่นั่นแหละควรที่จะต้องแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ของตนเองให้มาก ลูกจะได้ถือเอาเป็นตัวอย่าง เพราะการกระทำย่อมจะประทับใจมากกว่าการสั่งสอน
25. พ่อแม่ไม่ควรจะเล็งผลเลิศ
ในการแนะนำหรือให้การเลี้ยงดูลูก เราทำหน้าที่ของพ่อแม่ให้ดีที่สุดเท่านั้นเป็นพอ ส่วนว่าลูกจะได้ดีตามที่เราหวังหรือไม่? นั่นก็ต้องแล้วแต่กรรมของเขาด้วย แม้พระพุทธเจ้าจะทรงเป็นเอกบุรุษในโลกแล้ว พระองค์ก็ยังไม่อาจจะโปรดคนได้หมดทุกคน
26. พ่อแม่ควรทำตนเป็นกัลยาณมิตรต่อลูกในทุกโอกาส
ควรให้อภัยและให้โอกาสลูกได้กลับตัวในการทำผิดพลาดที่แล้วๆ มา
27. การเลี้ยงลูกพาลหรือลูกชั่วด้วยไม้เรียวยังมีความจำเป็นและไม่พ้นสมัย
แต่ควรจะดูนิสัยและสันดานของลูกเป็นคนๆ ไป และก่อนที่จะถึงขั้นเอาไม้เรียวหวดก้นกัน ก็ควรที่จะต้องผ่านขั้นตอนมาตามลำดับ คือ การแนะนำสั่งสอน การคาดโทษและการลงโทษ และในการลงโทษลูกทุกครั้ง พ่อแม่ควรกำจัดอคติและอารมณ์ออกไปเสียก่อน จึงจะไม่มีการทำอะไรเกินกว่าเหตุ
28. การที่เด็กทำสกปรกหรือรกรุงรัง
นั่นเป็นสัญชาตญาณ ของคนหรือเด็กทั่วไป แต่การที่เด็กรู้จักทำความสะอาด และทำให้เรียบร้อยเอง นั่นย่อมเกิดจากจริตนิสัยที่พ่อแม่อบรมหรือสั่งสอนมานาน จนกลายเป็นความเคยชิน พอเห็นอะไรสกปรกหรือรกรุงรังเขาก็จะทนดูอยู่ไม่ได้
ดังนั้นพ่อแม่คนใดต้องการให้ลูกเป็นคนรักความสะอาด รักความเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็จะต้องรีบสั่งสอนฝึกให้ลูกทำเสียแต่ยังเล็กอยู่ และจะต้องทำอย่างต่อเนื่องจึงจะเกิดเป็นนิสัยหรือความเคยชิน การที่จะรอเอาไว้ไปฝึกเมื่อโตนั้น นอกจากจะฝึกยากเหมือนไม้แก่แล้ว บางทีมันก็ฝึกไม่ได้ เหมือนการดัดไม้แก่ นอกจากจะดัดยากแล้วยังอันตรายหรืออาจหักเอาด้วย
29. “ควรให้ลูกทำงานให้เป็นทุกอย่าง แต่ไม่จำเป็นต้องไปทำเสียหมดทุกอย่าง”
นั่นหมายความว่าควรให้ลูกได้หัดทำงานให้เป็นไว้ทุกอย่างตั้งแต่งานล้างส้วม ปัดกวาด เช็ด ถู เก็บขยะ ล้างรถ ซักผ้า ล้างชาม แบกหาม ส่งของ จนถึงงานนั่งโต๊ะงานบริหารรับผิดชอบต่อส่วนรวม เพราะถ้าลูกเราทำงานไม่เป็น เมื่อไปบริหารหรือสั่งงาน อาจถูกลูกน้องแหกตา ต้ม หรือทำแบบ “ผักชีโรยหน้า” ได้ง่าย ผู้บังคับบัญชาที่ดีจึงไม่ควรสั่งงานที่เราไม่รู้หรือทำไม่เป็น เพราะถ้าเกิดมีลูกน้องถามว่าทำอย่างไร? นายก็หน้าแตกเมื่อนั้น