30. พ่อแม่สัมมาทิฐิและมีทรัพย์
ย่อมจะไม่มอบทรัพย์สมบัติให้ลูกจนหมดตัว แล้วคอยอาศัยลูกกินไปจนตายเพราะอาจจะเสี่ยงแก่การอดตายหรือช้ำใจตายมากกว่า เพราะนิสัยคนเรานั้น ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้ดี วันหน้าอาจชั่ว ก็ได้ ขึ้นอยู่กับตัวแปรต่างๆ เช่น เขย สะใภ้ ญาติ หรือสังคม เป็นต้น
ทางที่จะปลอดภัยไม่อดตายเมื่อจะคิดมอบทรัพย์แก่ลูกก็คือควรทำพินัยกรรมยกให้ลูก ต่อเมื่อเราตายแล้วจะเป็นการดีที่สุด เพราะมีตัวอย่างอยู่มากมายทั้งอดีตและปัจจุบัน ที่ลูกได้รับสมบัติแล้วก็ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่า ปล่อยให้อยู่อย่างคนอนาถาอดอยาก และตายอย่างหมากลางถนน
31. ลูกดี ย่อมจะพาให้พ่อแม่ได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น
แต่ลูกชั่วก็ย่อมจะพาให้พ่อแม่ต้องลงนรกทั้งเป็นในปัจจุบัน และนั่นก็เป็นของจริงแท้ว่าในอนาคตก็ย่อมจะต้องเป็นเช่นนั้นด้วย และผลแห่งกรรมนี้ลูกก็ย่อมจะต้องเป็นเช่นนั้นด้วย และผลแห่งกรรมนี้ลูกก็ย่อมจะต้องเป็นเช่นนั้นด้วย และผลแห่งกรรมนี้ลูกก็ย่อมจะต้องก็ได้รับทั้งในชาตินี้ และในชาติหน้า
แต่พ่อแม่นั้นนับว่าเป็นตัวแปรของลูกที่สำคัญยิ่ง ที่จะให้ลูกเป็นคนชาติไหน ? อย่าได้ลงโทษว่าเป็นกรรมของพ่อแม่หรือของลูกไปเสียส่วนเดียว เพราะว่าผลทั้งหลายย่อมมาจากเหตุ แม้ว่าเราจะแก้เหตุในอดีตไม่ได้ แต่เราก็สามารถที่จะแก้เหตุในปัจจุบันได้ทั้งที่นี่และเดี๋ยวนี้ นั่นก็คือ เลี้ยงลูกถูกธรรม
32. เด็กโดยทั่วไปมักมีอาการ“เบื่อง่าย”“รักง่ายหน่ายเร็ว”
หรือ “เบื่อๆอยากๆ” ในวัตถุสิ่งของหรือของเล่น ดังนั้น พ่อแม่หรือผู้ปกครองเด็กจึงไม่จำเป็นจะต้องซื้อของเล่นที่ราคาแพงๆ ให้ลูกเล่น เพราะนอกจากจะไม่คุ้มกับค่าของเงินแล้ว ยังอาจจะนำความโทมนัสใจมาให้แก่ผู้ซื้อโดยคาดไม่ถึงก็ได้
33. ทุกคนต้องการความสุขสบาย
ไม่ว่าพ่อแม่หรือลูกก็ย่อมจะมีนิสัยตรงกันคือต้องการความสุขและความสบาย แต่ทางที่จะสู่ความสุขได้ด้วยการตามใจตัว เห็นแก่ตัวและต้องขี้เกียจนั้นล้วนแต่เป็นมูลเหตุของความเสื่อม เป็นความหายนะเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ เด็กย่อมไม่รู้ ส่วนพ่อแม่นั้นเป็นผู้มีประสบการณ์มาก่อนย่อมรู้ พ่อแม่จึงขยันและไม่ตามใจตนเองพร้อมทั้งไม่ปล่อยให้ลูกเห็นแก่ตัวหรือตามใจตัว และขี้เกียจการบังคับ และเฆี่ยนตี ลูกให้ละความเห็นแก่ตัว ไม่ตามใจตัว และไม่ให้ลูกขี้เกียจ จึงเป็นพ่อแม่ที่ดีและเลี้ยงลูกอย่างถูกต้องแล้ว
34. การเฆี่ยนตีลูกที่เห็นแก่ตัวและขี้เกียจนี้ลูกจะเจ็บก็แต่กายในวันนี้
แต่ในวันหน้าลูกโตขึ้นแล้วเขา ก็จะรู้สึกขอบคุณ และถ้าไม่ดัดเสียแต่เล็ก กิเลสของลูกก็จะเติบโต แล้วมันก็จะทำลายอนาคตของลูกและเมื่อลูกเติบโตแล้ว ลูกก็จะเกลียดชังพ่อแม่ที่ตามใจลูกในทางผิดๆ ด้วย จึงเท่ากับพ่อแม่ได้เป็นผู้ทำลายอนาคตอันสดใสของลูก
เมื่อปล่อยให้ถึงปลายมือมันก็แก้ไม่ได้แล้วลูกเสียคนไปแล้ว พ่อแม่ก็ย่อมจะเสียใจ เจ็บใจตนเองที่หลงรักลูกไม่ทาง (ธรรม) เหตุก็เพราะพ่อแม่ไม่ตีกายลูกเมื่อยังเล็ก ลูกจึงมาตีใจพ่อแม่เมื่อโต พ่อแม่จึงเจ็บปวดยิ่งกว่าการตีร่างกายของลูกหลายเท่านัก เพราะลูกเจ็บกายเดี๋ยวเดียวก็หาย แต่พ่อแม่เจ็บปวดหัวใจนั้นมันจะเป็นจนตลอดชีวิต ดังนั้นเมื่อเราเห็นลูกชั่วแล้วก็ไม่ควรจะเหมาเอาว่า ลูกมันชั่วเอง แต่ควรจะสำรวจตัวเองก่อนว่า เรามีส่วนให้เขาชั่วบ้างหรือเปล่า ? ถ้ามีก็ควรที่จะรีบแก้ไขให้ถูกธรรมเสียในทันที อย่าเกรงใจลูกในทางผิดๆ อีกต่อไป มิฉะนั้น เราจะกลายเป็นพ่อแม่ที่ชั่วเสียยิ่งกว่าลูก
35. ลูกคือทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของพ่อแม่และประเทศ
ควรเลี้ยงลูกให้มีคุณภาพเท่าที่สติปัญญา และเศรษฐฐานะของเราจะอำนวยให้ได้อย่าเลี้ยงลูกตามบุญตามกรรม เพราะลูกคนไม่ใช่ลูกสัตว์ ควรคำนึงไว้เสมอว่าเด็ก ก็มีหัวใจเหมือนกันนะจ๊ะ?
36. อย่าให้ลูกเป็นผู้ทำลายความดีของพ่อแม่
ด้วยการสร้างศัตรูให้แก่พ่อแม่ หรือตัดสัมพันธไมตรีอันดีของพ่อแม่ทีมีต่อเพื่อนบ้าน เพราะลูกเป็นต้นเหตุ
37. การเลี้ยงลูกได้ดีไม่มีปัญหา
จัดว่าเป็นศิลปะและกุศลวิบากของพ่อแม่ เพราะมีพ่อแม่เป็นอันมากที่เป็นคนดีและมีความรู้ แต่ลูกกับเป็นคนพาล หรือก่อปัญหาสารพัด ดังนั้นถ้าเราแก้ไขจนสุดความสามารถแล้ว เขาก็ยังไม่ดีขึ้น เราก็ควรจะวางอุเบกขาปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมของเขาเถิด พ่อแม่ไม่ควรที่จะต้องไปเป็นโรคประสาทกับลูกเลวๆ อย่างนี้
ผู้มีเชื้อจิตอกตัญญู ย่อมจะหาข้อบกพร่องเล็กน้อยของผู้มีพระคุณมาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ตอบแทนคุณท่าน
ฉะนั้น พ่อแม่ที่รักลูก และอยากจะเห็นลูกความเจริญทั้งอายุร่างกาย อายุสมอง และอายุวิญญาณ (คุณธรรม) ก็ควรที่จะให้ความสนใจในการเลี้ยงลูกโดยถูกธรรมเถิด
www.dhammajak.net