account_circle
เมื่อไหร่ที่พ่อแม่ควรยื่นมือเข้ามาช่วย…เมื่อลูกโกรธ!!
เมื่อเด็กสามารถรับรู้ และยอมรับได้แล้วว่า อารมณ์โกรธเป็นอารมณ์ปกติ อารมณ์หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเก็บกดอารมณ์เหล่านั้นไว้ โดยที่ไม่ได้จัดการให้หายออกไป ก็ถึงเวลาที่พ่อแม่ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยให้ลูกรู้จักกับการจัดการอารมณ์ รู้จักการควบคุมอารมณ์ของตนเองให้เหมาะสมกันเสียแล้ว
ขอเวลาหน่อยนะ แม่!!
ให้เวลากับลูก ได้ทบทวน และจัดการอารมณ์สักหน่อย โดยที่พ่อแม่อาจจะนั่งเป็นเพื่อน แบบไม่ต้องพูดอะไร บางอารมณ์ก็ต้องมีเวลาในการค่อย ๆ สงบลง หรือหากเป็นการโกรธระหว่างพ่อแม่ กับลูกเสียเอง การให้เวลาทั้งเรา และลูก โดยปล่อยให้ต่าง ๆ ฝ่ายต่างอยู่คนเดียวก่อน ก็จะไม่ทำให้เกิดเรื่องราวบานปลาย และไม่สมควรเนื่องจากอารมณ์ชั่ววูบได้ โดยบอกกับลูกด้วยคำสั้น ๆ และท่าทีที่สงบว่า “ไว้เราอารมณ์ดีขึ้น ค่อยมาคุยกันต่อนะ” เป็นต้น การให้เวลานอกกับลูก ดีกว่าการเร่ง และพร่ำสอนในช่วงเวลาที่ลูกยังไม่พร้อม ที่ไม่ได้ส่งผลดี แต่กลับเป็นผลเสียต่อความสัมพันธ์มากกว่า เมื่ออารมณ์ดีขึ้น จึงเป็นช่วงที่พ่อแม่กับลูก ได้มาทบทวน เรียนรู้ร่วมกัน สอดแทรกคำสอน กับลูกได้ จะได้ประโยชน์มากกว่ารีบสอนตอนลูกกำลังโมโห
ฝึกให้ลูกรับรู้อารมณ์ตัวเองบ่อย ๆ
- นอนหลับอย่างเพียงพอ การอดนอนทำให้สภาพร่างกายไม่พร้อม การควบคุมอารมณ์จะทำได้ยากขึ้น นอกจากนั้นการใช้ชีวิตประจำวันอย่างเป็นเวลา มีวินัย ทำให้เด็ก ๆ รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปและช่วยลดความสับสน
- ทำบันทึกอารมณ์ เป็นตัวช่วยให้ลูกเข้าใจอารมณ์โกรธของตนเอง และวิธีการจัดการอารมณ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยจด 3 สิ่งนี้ และชื่นชมหากพวกเขาทำตามที่จดไว้ได้○ ตัวกระตุ้น ที่ทำให้ผิดหวังหรือโกรธ
○ สิ่งที่ห้ามทำ เมื่อเกิดอารมณ์เหล่านั้น
○ สิ่งที่ทำได้ เช่น วาดรูป พัก 5นาที ไปดื่มน้ำ ล้างหน้า เป็นต้น - ให้คำชม เมื่อพบว่าเด็กสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี โดยชี้ให้เห็นถึงอารมณ์ที่รู้สึกขณะนั้น และการจัดการอารมณ์ของลูกที่ทำได้ดี เช่น “หนูโกรธที่เพื่อนแหย่ เก่งมากที่หนูทำตัวปกติได้ แม่ภูมิใจในตัวหนูมาก”
- รู้จักให้อภัยตนเองเมื่อผิดพลาด ความผิดหวังมักไม่ได้เกิดจากตัวเหตุการณ์นั้น แต่เกิดจากการที่เราย้ำตัวเองถึงความผิดพลาดต่าง ๆ ไม่ได้หมายความว่า ลูกจะสามารถจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ดีทุกครั้งไป เมื่อบางเหตุการณ์ที่ลูกไม่สามารถทำได้ดี พ่อแม่ต้องแสดงให้เขาเห็นว่าไม่ใช่เรื่องผิด รู้จักให้อภัยตนเอง และนำมาปรับปรุงใหม่ในครั้งหน้า
- เป็นตัวอย่างในเรื่องการควบคุมอารมณ์ให้แก่ลูก เราสามารถให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้จากสิ่งที่พ่อแม่ทำ การได้เรียนรู้จากสิ่งที่เห็นดีกว่าสิ่งที่เราพูดสอนซ้ำไปซ้ำมา คงเป็นไปไม่ได้ หากพ่อแม่ อยากให้ลูกอารมณ์ดี แต่พ่อแม่ยังคงเกรี้ยวกราดกับลูกทุกวัน การเป็นตัวอย่างในเรื่องการควบคุมอารมณ์สำคัญมาก ๆ ดังนั้นหากมีอารมณ์โกรธ หรือผิดหวัง จงทำใจให้สบาย ไม่ระเบิดอารมณ์ใส่เด็ก และพูดคุยกันเมื่ออารมณ์สงบแล้วเท่านั้น
“ความรู้สึกโกรธเป็นสิ่งดี เพราะความรู้สึกนี้บอกให้เรารู้ว่า มีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้องเกิดขึ้นกับเรา ความโกรธเป็นสัญญาณเตือนที่ควบคุมคุณภาพของตัวเราเอง”
อินกริด เจ คอลลินส์ ที่ปรึกษาด้านจิตวิญญาณบำบัดของ Health Plus กล่าว
หากมีใครบางคนปฏิบัติกับเราไม่ดี ความโกรธจะเป็นสิ่งเหมาะสม ถ้าคุณแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ตรงกันข้ามหากคุณเก็บความโกรธเอาไว้ในใจ ไม่แม้แต่ทะเลาะเบาะแว้งกันเวลามีปัญหา การเก็บแต่ความรู้สึกเช่นนี้ รังแต่จะทำลายชีวิตมากกว่า ความโกรธสร้างปัญหาก็ต่อเมื่อคุณเก็บกดมันเอาไว้ เดบอราห์ มาร์แชล-วอร์เรน ที่ปรึกษาด้านสะกดจิตบำบัดของ Health Plus กล่าว อาการปวดหลัง อาหารไม่ย่อย หรือความดันโลหิตสูงล้วนเป็นผลมาจากความโกรธที่ถูกอัดแน่นเอาไว้ภายใน
เปลี่ยนความโกรธเป็นพลังในทางบวก อารมณ์ที่รุนแรง ช่วยผลักดันให้ก้าวเดินไปข้างหน้า เพื่อจะได้รู้จักตนเอง และสามารถควบคุมการแสดงออกของอารมณ์ออกมาได้อย่างเหมาะสม การสอนลูกให้รู้จักสิ่งเหล่านี้ จึงเป็นทักษะชีวิตที่พ่อแม่ควรเตรียมไว้ให้เขา เพราะเราไม่สามารถขังทุกอย่างไว้ได้หมด การสอนให้ลูกจัดการปัญหาของตนเองได้ดี ช่วยลดความผิดพลาดในชีวิตของลูกทั้งในขณะที่เป็นเด็ก และโตขึ้นไปในอนาคตอีกด้วย เพราะ ปัญหามีเข้ามาในชีวิตได้ตลอดเวลา
ข้อมูลอ้างอิงจาก www.pobpad.com/www.sikarin.com/ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย /www.si.mahidol.ac.th/สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่