วิธีสร้างแรงจูงใจให้ลูกไปโรงเรียน ตัวช่วยคุณแม่รับมือ ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน เปิดเทอมใหม่นี้ใครยังร้องไห้อยู่บ้างยกมือขึ้น มาสร้างความอยากไปโรงเรียนให้ลูกกัน
รับมือ!ลูกร้องไห้เปิดเทอม วิธีสร้างแรงจูงใจให้ลูกไปโรงเรียน
เปิดเทอมแล้ว! ถึงเวลาที่เด็ก ๆ ต้องไปโรงเรียนกันเสียที แต่การเปิดเทอมครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ สำหรับเด็กใหม่ที่เพิ่งได้เข้าเรียน คงเป็นเรื่องปกติกับการร้องไห้ กะจองอแง แต่คราวนี้แม้ไม่ใช่เด็กใหม่ป้ายแดง ก็คงมีออกอาการกันไม่มากก็น้อยทีเดียว เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่ทำให้พวกเด็ก ๆ ห่างหายไปจากโรงเรียนเสียนาน จนอาจก่อให้เกิดปัญหาสุดคลาสิก นั่นคือ การร้องไห้งอแงไม่อยากไปโรงเรียนของลูก ๆ
เด็กไม่ยอมไปโรงเรียน เป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อยในเด็กเล็ก เนื่องจากยังไม่มีการปรับตัว และกังวลที่ต้องแยกจากพ่อแม่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ แนะให้พ่อแม่รับมืออย่างใจเย็น เปิดใจรับฟังความรู้สึกของเด็กอย่างเข้าใจ และพร้อมให้ความช่วยเหลือ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเวลาเปิดเทอม เด็กๆ ต้องเปลี่ยนการดำเนินชีวิตจากที่เคยนอนดึกตื่นสาย ไปเที่ยว ทำกิจกรรมกับครอบครัว และเพื่อนๆ กลายเป็นต้องนอนไวตื่นแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียน เด็กจะรู้สึกขี้เกียจ และงอแงไม่อยากไปโรงเรียน ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องปกติที่พบในช่วงอายุประมาณ 3 ปี ถึง 4 ปี ที่เริ่มไปโรงเรียนใหม่ๆ ซึ่งการแยกจากพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูจะทำให้เด็กมีความกังวล รวมทั้งต้องพบเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น หรือถูกทำโทษที่โรงเรียน เด็กบางคนแสดงออกด้วยการร้องไห้ บางคนสะสมความเครียดจนทำให้ตัวเองเจ็บป่วย เช่น ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ ซึ่งเป็นกลไกการต่อต้านทางร่างกาย พ่อแม่ผู้ปกครองควรเปิดใจให้กว้างรับฟังความรู้สึกของเด็ก และค่อยๆ สอนอย่างใจเย็น พร้อมทั้งหาทางแก้ไข และให้ความช่วยเหลือ
เมื่อเช้านี้…ไม่สดใส!!
คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อลูกของคุณร้องไห้ในตอนเช้าที่ไปส่งเขาที่โรงเรียน ? เห็นลูกพยายามดิ้นนำตัวเองออกจากอ้อมแขนของคุณครูขณะที่เรากำลังบอกลา แม้ว่าเราจะรู้ว่าต้องให้เวลากับลูกในการปรับตัว แต่เมื่อคุณก้าวขึ้นรถเตรียมกลับบ้าน ความรู้สึกผิดในความเป็นแม่ก็พุ่งเข้ามากระแทกใจอย่างเต็มแรง กับคำถามมากมายในหัวด้วยความเป็นห่วงลูก ลูกจะอยู่ได้ไหม จะร้องไห้ทั้งวันเลยหรือเปล่า และอีกสารพัดคำถาม
และในวันต่อ ๆ มา เหตุการณ์เช่นนี้ยังคงวนเวียน ซ้ำไปมาจนคุณรู้สึกเริ่มเครียด แถมยังทวีความรุนแรง เมื่อเจ้าตัวเล็กเริ่มต่อต้านตั้งแต่การก้าวออกจากประตูบ้าน เมื่อรู้ว่าต้องไปโรงเรียน แล้วคุณจะจัดการอย่างไรดี?
นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าวข้างต้น พ่อแม่ควรรับมือแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ ปรับเปลี่ยนการเลี้ยงดู ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเอง และช่วยเหลืองานบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่ผู้ปกครอง โดยพ่อแม่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และให้กำลังใจ นอกจากนี้ควรฝึกทักษะพื้นฐานในด้านการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ทั้งนี้ ควรให้เด็กไปโรงเรียนทุกวันโดยไม่จำเป็นต้องหยุด และแนะวิธีปฎิบัติตัวของพ่อแม่ตามคำแนะนำต่าง ๆ ดังนี้
สูตรเด็ดเคล็ดลับ จากรุ่นพี่
นอกจากนี้เรายังเคล็ดลับรับมือ เมื่อลูกร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียน ฉบับประสบการณ์จริงจากพ่อแม่รุ่นก่อน ๆ มาฝากกัน
ชวนลูกคุย ผลัดกันเล่าเรื่องราวของแต่ละคนที่เจอมาในวันนี้
พ่อแม่ควรชวนลูกคุย และเล่าถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน กิจกรรมที่ได้ทำในวันนี้ ปล่อยให้ลูกได้พูดถึงอารมณ์ที่เกิดขึ้นต่อเหตุการณ์เมื่อเช้า แม้ว่าบางครั้งจะเป็นอารมณ์เชิงลบก็ตามที ปล่อยให้ลูกแสดงความรู้สึกที่อาจมี และพูดถึงมันบ่อยๆ เพื่อให้เธอระบุความรู้สึกของตนเองออกมาได้ เช่น กลัว โกรธ เจ็บปวด และวิตกกังวล เป็นต้น โดยอาจเริ่มจากการที่คุณเป็นฝ่ายเล่าเรื่องของตัวเองก่อน เช่น ที่ทำงานเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไรกับเพื่อนร่วมงานในวันนี้บ้าง เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้ลูกอยากเล่าความรู้สึกของตัวเองบ้าง อาจคุยกันระหว่างทางกลับบ้านในรถก็ได้
แม่ก็คิดถึงหนูเหมือนกัน แต่…
เราสามารถบอกลูกได้เช่นกันว่า วันนี้แม่คิดถึงลูกมาก อยากเจอเร็ว ๆ แต่…แม่รู้ว่าเราก็ต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ลูกต้องมีหน้าที่เรียนหนังสือ แม่ต้องมีหน้าที่ทำงาน ทำงานบ้าน บอกลูกว่าไม่เป็นไรที่เขาจะคิดถึงคุณ ทำให้ลูกรู้ว่าคุณก็คิดถึงเหมือนกัน และตั้งตารอที่จะไปรับลูกจากโรงเรียนทุกวัน เพื่อที่ลูกจะได้ไม่กลัวการพลัดพรากจากพ่อแม่เมื่ออยู่ที่โรงเรียน ให้เขารู้ว่าเราไม่ทิ้ง และรอคอยเวลาเลิกเรียนเพื่อเจอลูกเช่นกัน แต่ต้องจัดลำดับความสำคัญ และอดทนทำให้สำเร็จเสร็จสิ้นเสียก่อน
ลาจากตอนเช้าด้วยความมั่นใจ และกระชับ
เมื่อถึงเวลาส่งลูกหน้าห้อง หรือหน้าประตูโรงเรียนแล้ว พ่อแม่ควรบอกลาลูกด้วยท่าทางที่มั่นใจ เชื่อมั่น และสั้น กระชับ เพราะการทำเช่นนี้จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกว่า สถานที่นี้ปลอดภัยสำหรับเขา และพ่อแม่จะกลับมารับแน่นอนเมื่อถึงเวลา โปรดอย่าแสดงสีหน้ากังวล หรือเดินกลับมากอดลูกอีกเป็นครั้งที่สอง หรือร้องไห้ไปกับลูก แม้ว่าพ่อแม่อาจคิดว่าเป็นการแสดงว่าแม่ก็ไม่อยากจากเขาไปเช่นกัน แต่ลูกจะมีความหมายกว้างกว่านั้น เขาจะหมายรวมว่าสถานที่นี้ไม่ปลอดภัย แม่ยังไม่อยากให้เขาอยู่ แต่คุณครู หรือโรงเรียนบังคับ ทำให้ลูกเกลียดโรงเรียนมากขึ้นไปอีก
อย่าไปโดยไม่บอกลา หรือใช้คำพูดรุนแรงเพื่อให้เขาหยุด
อย่ากดดันลูกๆ ของคุณด้วยคำพูดเชิงลบ เช่น “อย่าสร้างความโกลาหลที่โรงเรียน” หรือ “แม่จะลงโทษลูก ถ้าลูกร้องไห้ที่โรงเรียน” เป็นต้น อย่าเปรียบเทียบลูกของคุณกับเด็กคนอื่นต่อหน้าเด็ก มันสร้างอิทธิพลเชิงลบในเด็กเล็ก และพวกเขาเริ่มสูญเสียความมั่นใจในตนเองทำให้เกิดปัญหาไม่รู้จบ เป็นต้นตอของการร้องไห้งอแงเมื่อต้องไปโรงเรียนนั่นเอง
และแม้ว่าลูกของคุณในวันนี้อาจกำลังเพลิดเพลินกับของเล่น ไม่ร้องไห้ในตอนเช้าเหมือนทุกวัน แต่สิ่สำคัญคือ พ่อแม่ห้ามเดินจากไปโดยไม่ได้บอกลาลูก เพราะนั่นจะทำให้เขากังวลไปตลอดวัน และเกิดความไม่มั่นใจในเช้าวันถัดไป
ไปโรงเรียนเร็วกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ
ลองนึกภาพเมื่อมาถึงงานปาร์ตี้ และทุกคนก็อยู่ที่นั่นแล้ว นี่อาจจะดีถ้าปาร์ตี้มีเพื่อน และครอบครัวที่คุ้นเคย แต่ถ้าคุณไม่รู้จักใครเลย คุณคงจะรู้สึกหนักใจ ประหม่า และพร้อมที่จะกลับบ้าน ลูกคุณก็เช่นกัน การพาเขาไปโรงเรียนแม้เพียงไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ทำให้ลูกสามารถเตรียมตัว เตรียมใจได้นานก่อนที่ความโกลาหลจะเริ่มต้นขึ้น เขายังได้รับความสนใจจากครูก่อนที่เด็กส่วนใหญ่จะมาถึง ทำให้เขามีโอกาสมีเวลาเตรียมตัว และรู้สึกสบายใจมากขึ้น
หากิจกรรมตอนเช้าจูงใจลูก
ในช่วงสองสามวันแรก แนะนำให้ลูกทำกิจกรรมที่เขาสนใจ และสามารถทำได้ โดยเฉพาะกิจกรรมที่ชอบ เช่น ปริศนาหรือบล็อก วิ่งเล่นกับเพื่อนที่สนาม เป็นต้น คุณสามารถช่วยให้ลูกจดจ่อกับกิจกรรมดีๆ ได้โดยการชี้นำเขาไปยังกิจกรรมโปรด หรือชวนเล่นในช่วงแรก ๆ แทนที่จะนึกถึงการจากไปของคุณที่ใกล้จะมาถึง
นอกจากนี้การที่ลูกได้สนุกในตอนเช้ายังสามารถทำให้ลูกรู้สึกตื่นเต้น และรู้สึกอยากไปโรงเรียนมากขึ้น เพราะมีเรื่องสนุก ๆ ทำแทนที่จะมานั่งกังวลเกี่ยวกับการต้องแยกจากคุณในตอนเช้า
ให้ลูกนอนหลับให้เต็มอิ่ม
เด็กๆ มักจะทำตัวงอแง เมื่อเหนื่อย ง่วง หรือหิว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ลูกของคุณไม่สบายใจที่จะไปโรงเรียน ให้ลูกเข้านอนแต่หัววัน แล้วตื่นแต่เช้าเพื่อที่เธอจะได้มีเวลาเตรียมตัวอย่างไม่เร่งรีบ พักผ่อนอย่างสบายในการรับประทานอาหารเช้าให้เสร็จเพื่อให้ตัวเองอิ่มและพร้อมที่สุดในช่วงเวลาเรียน
ให้ลูกน้อยของคุณไม่ว่าง
เป็นความคิดที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่จะทำให้ลูกของคุณยุ่งอยู่กับกิจกรรมบางอย่างในขณะที่คุณออกจากบ้านเพื่อพาเธอไปโรงเรียน จัดการลูกของคุณโดยให้งานบางอย่างกับเธอเพื่อที่เธอจะได้สนใจงานนั้น และเมื่อถึงเวลานั้นให้ส่งลูกของคุณไปที่ประตูโรงเรียน และจูบลาเธอ งานที่มอบให้ลูกของคุณต้องน่าสนใจเพื่อที่เธอจะได้หมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมของเธออย่างเต็มที่เมื่อคุณบอกลา
วิธีสร้างแรงจูงใจให้ลูกไปโรงเรียน
นอกจากวิธีการรับมือกับการไม่อยากไปโรงเรียนของลูกตามคำแนะนำแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาวิธีในการสร้างแรงจูงใจให้ลูกไปโรงเรียนเสียแต่เนิ่น ๆ เพราะหากเราเตรียมตัวมาก่อน เตรียมตัวมาดีแล้ว เมื่อถึงเวลาจริง ลูกก็พร้อมลงสนามได้แบบไร้ปัญหา แถมยังช่วยให้เขาปรับตัวเข้ากับเหตุการณ์ วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมได้เร็วกว่าอีกด้วย
ฝึกให้ลูกสามารถบอกเล่าเรื่องราว และความรู้สึกของตนเองได้
พ่อแม่สามารถพูดคุยกับลูกได้ตั้งแต่เขายังเล็ก ในช่วงเวลาที่ลูกยังไม่สามารถสื่อสารได้ดี หากเขามีอารมณ์ใด ๆ พ่อแม่สามารถพูดบอกกล่าวให้ลูกได้เรียนรู้ว่าอาการ ความรู้สึกเหล่านี้ คืออารมณ์ที่เรียกว่าแบบนี้ได้ เช่น ตอนนี้หนูร้องไห้ เพราะกำลังเสียใจที่ทำของเล่นหายใช่ไหมจ๊ะ หรือ ลูกปาข้าวของเพราะกำลังมีอารมณ์โกรธอยู่ แม่ไม่ว่าแต่ถ้าสงบลงแล้วเรามาช่วยกันเก็บของดีไหม เป็นต้น
การให้ลูกฝึกความสามารถในการสื่อสาร โดยเฉพาะความรู้สึกตัวเอง เมื่อเขาโตขึ้นจะง่ายต่อการพูดคุย และสอนให้เขาปฎิบัติตัวในแบบที่สังคมยอมรับได้ดีกว่า การที่ลูกเองก็ไม่สามารถรู้เช่นกันว่าเขามีอารมณ์แบบใด
ทำความคุ้นเคยกับโรงเรียน
ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะให้ลูกเข้าเรียนที่โรงเรียนไหน ลองพาลูกไปเดินสำรวจโรงเรียน ดูสภาพแวดล้อมของโรงเรียน ว่าลูกชอบหรือไม่ และให้เขาทำความคุ้นเคยกับโรงเรียน และบริเวณโดยรอบก่อนวันเปิดเทอมจริง จะได้ไม่รู้สึกกังวลใจ และประหม่าในวันแรกที่เปิดเทอม
ให้ลูกทำงานบ้านบ้าง
งานบ้าน ช่วยฝึกลูกได้มากกว่าที่คิด นอกจากจะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อคุณแม่แล้ว การที่ลูกได้ทำงานที่ได้รับมอบหมาย ช่วยฝึกให้เขารู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ เรียนรู้ว่าตนเองมีหน้าที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วง และเมื่อลูกทำสำเร็จ การได้รับคำชมเชย ก็จะช่วยให้เขารู้สึกภาคภูมิใจ และเห็นคุณค่าในตนเอง เมื่อลูกได้รับการปลูกฝังสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่วัยเยาว์ การรับผิดชอบ การรับรู้ต่อสิ่งใหม่ ๆ ลูกก็จะทำได้ดีด้วยความเข้าใจ เขาจะรู้ว่าการมาโรงเรียนเป็นหน้าที่ของเด็กทุกคน และรู้จักอดทน อดกลั้นรอเวลาที่จะกลับบ้านได้ดีกว่า
เป็นอย่างไรกันบ้าง คุณพ่อคุณแม่ลองทำตามขั้นตอนง่าย ๆ เหล่านี้เพื่อทำให้ลูกของคุณรักโรงเรียนของเธอ บอกลาลูกของคุณทุกวันเมื่อคุณไปส่งลูกที่ประตูโรงเรียน แล้วเช้าวันใหม่ของการเปิดเทอมจะเป็นเช้าที่ดีของคุณและลูกไปในทุก ๆ วัน
ข้อมูลอ้างอิงจาก sleepingshouldbeeasy.com/www.indiaparenting.com/www.childrenhospital.go.th
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่