บทเรียนของแม่ที่ป้อนข้าวลูก!!
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันแรกของการไปเรียนอนุบาล วันที่หนูต้องแยกจากอกแม่ ไปสู่บ้านหลังที่สอง เจอสังคมใหม่ เจอครู และเพื่อนๆ
แม่รู้ว่ามันยากแค่ไหน กับการต้องอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า
จากเด็กน้อยในอ้อมอก ที่มีพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ทำอะไรให้หมดทุกอย่าง หนูต้องปรับตัว ปรับใจอย่างมาก..
วันแรกในรั้วโรงเรียน คุณครูรับตัวหนูเข้าไปในห้อง และขอความร่วมมือให้พ่อแม่ ออกมารอด้านนอก
เพียงแค่ยื่นมือหนูให้คุณครู เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นไม่หยุด ใจแม่จะขาดให้ได้ สายตาหนูที่มองแม่ เหมือนจะต่อว่า ว่าทิ้งหนูไว้กับคนแปลกหน้าทำไม??? หนูร้องไห้ดังมากเท่าไหร่ ใจแม่ร้องไห้มากเท่านั้น
หนูร้องไห้เสียงดัง และเบา สลับกันไป พ่อกับแม่นั่งรอด้วยใจจดจ่อ………………………
พอถึงเวลาพักกลางวัน หนูรีบก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปาก โดยไม่มองหน้าใคร
มือขวาจับช้อนแบบเก้ๆ กังๆ ความหิวคงทำให้หนูรู้จักแก้ปัญหา หนูวางช้อน และใช้มือหยิบอาหารเข้าปากทันที
ยิ่งเห็นภาพนั้นยิ่งน้ำตาไหล… ฉันนี่แหล่ะ “พ่อแม่รังแกฉันของจริง”
ฉันป้อนข้าวให้ลูกทุกมื้อ เพราะลูกกินช้า ฉันป้อนข้าวให้ลูกเพราะลูกชอบทำเลอะ ฉันป้อนข้าวให้ลูกเพราะอยากให้ลูกกินได้เยอะ….
ลูกกินข้าวไม่เก่ง ช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น ไม่ใช่ลูกหรอกที่แพ้!! มันคือความพ่ายแพ้ของคนเป็นพ่อแม่ อย่างไม่น่าให้อภัย
คนชนะที่แท้ กลับเป็นลูก!!! เด็กตัวเล็กๆ ที่พยายามช่วยเหลือตัวเอง ท่ามกลางคนแปลกหน้า พยายามเอาตัวรอดให้อิ่มท้อง ไม่เคยคิดยอมแพ้ แม้ตอนตักข้าว
ถึงลูกจะเจอสังคมใหม่ ต้องปรับตัวปรับใจ แต่ไม่เคยคิดจะลุกหนี หรืองอแง รอให้ครูมาป้อน
เลิกเรียนวันนั้น แม่ได้แต่กอดหนูแน่นๆ คำตอบทุกอย่างมันชัดอยู่ในภาพที่เราสองคนพ่อแม่ได้เห็นไปแล้ว
ภาพในวันนั้น ติดตา จำแน่นในใจไม่มีลืม… พ่อแม่ต้องกลับมานั่งคิดและทบทวนว่า การรักลูก ดูแลลูกจนมากเกินไป ส่งผลร้ายกับตัวหนูอย่างไม่คาดคิด เจตนาที่ดี อาจกลายเป็นผลร้าย ในวันที่หนูต้องเติบโต และก้าวไปสู่สังคม
ขอโทษนะลูก แม่สัญญาว่าต่อจากนี้แม่จะเข้มแข็ง และปล่อยให้หนูได้ลองทำอะไรด้วยตัวเอง แล้วแม่กับพ่อจะเฝ้ามองลูกด้วยความห่วงใยอยู่ข้างๆ และเมื่อใดก็ตามที่ลูกต้องการความช่วยเหลือ พ่อกับแม่นี่แหละ จะพร้อมช่วยลูกอย่างสุดกำลัง
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เราจะสู้ไปด้วยกัน!!!