สัญญาณบ่งบอก Toxic Parent!! เมื่อ พ่อแม่ รังแกฉัน - Amarin Baby & Kids
พ่อแม่ รังแกฉัน Toxic Parent

สัญญาณบ่งบอก Toxic Parent!! เมื่อ พ่อแม่ รังแกฉัน

Alternative Textaccount_circle
event
พ่อแม่ รังแกฉัน Toxic Parent
พ่อแม่ รังแกฉัน Toxic Parent

พ่อแม่ รังแกฉัน คุณกำลังเป็นพ่อแม่แบบนี้อยู่หรือเปล่า Toxic Parent พฤติกรรมบ่งบอกว่าลูกของคุณรู้สึกว่าพ่อแม่เป็นยาพิษในชีวิต รู้แล้วปรับด่วน

สัญญาณบ่งบอก Toxic Parent!! เมื่อ พ่อแม่ รังแกฉัน

คนเป็นพ่อเป็นแม่ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ลูก พ่อแม่ทุกคนมักมีความคิดว่า หน้าที่ของเราคือ การเลี้ยงดูลูกให้เจริญเติบโตไปประสบความสำเร็จ ดังนั้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของลูกจึงเป็นเรื่องของพ่อแม่ หากคุณกำลังคิดเช่นนี้อยู่ และมีแนวโน้มพฤติกรรมที่จะเข้าไปบงการชีวิตของลูกให้ดำเนินไปตามทางที่คุณคิดว่าดีเพียงฝ่ายเดียวแล้วละก็ คำว่า พ่อแม่ รังแกฉัน คงเป็นนิยามความหมายของ พ่อแม่ ในแบบที่คุณกำลังเป็นอยู่ก็ได้

Toxic Parent !!

พ่อแม่ที่เป็นพิษ สำหรับสังคมในปัจจุบันที่ค่านิยมในการมีลูก มักจะมีเพียงครอบครัวละไม่มาก บางบ้านมีลูกเพียงคนเดียว มากสุดโดยส่วนใหญ่แล้ว พ่อแม่ในยุคปัจจุบันมักมีไม่เกิน 3 คน ด้วยเหตุที่พ่อแม่มีลูกน้อย หรือเพียงคนเดียวนี่เอง ทำให้พ่อแม่หันมาสนใจในชีวิตของลูกได้มากขึ้น มอบความรัก ความปรารถนาดี และความห่วงใยใส่มาให้กับลูกแบบจัดเต็ม ด้วยหวังใจว่าอยากเป็นพ่อแม่ที่ดีของเขา แต่คุณพ่อคุณแม่จงระวังไว้สักนิด ความรัก ความปรารถนาดี ความห่วงใยเหล่านี้ หากมีมากจนเกินไป ผู้รับอาจเกิดความรู้สึกตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราคาดหวังจะหยิบยื่นให้ก็เป็นได้

พ่อแม่ รังแกฉัน คุณกำลังเป็นอยู่หรือเปล่า
พ่อแม่ รังแกฉัน คุณกำลังเป็นอยู่หรือเปล่า

“พ่อแม่ที่เป็นพิษ (Toxic Parent)” นี่เองที่ทำให้ลูกเกิดภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล มีภาวะเครียด จนนำไปสู่โรคซึมเศร้า โรคบุคลิกผิดปกติต่าง ๆ จนเกิดเป็นปัญหาต่าง ๆ ตามมา จนต้องขอความช่วยเหลือจากนักจิตวิทยา ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาความสัมพันธ์ของพ่อ แม่ ลูก ไม่ให้เป็นพิษ ไม่ทำให้คุณกลายเป็นพ่อแม่แบบ พ่อแม่ รังแกฉัน ได้ ลองมาตรวจดู สัญญาณบ่งบอก 12 ลักษณะที่ชี้ว่า คุณเป็นพ่อแม่ที่เป็นพิษ (Toxic Parent) กันดูเสียหน่อยว่า เรามีลักษณะตามนี้อยู่หรือเปล่า

12 ลักษณะ สัญญาณบ่งบอกว่า คุณเป็นพ่อแม่ที่เป็นพิษ

1. พ่อแม่ที่พยายามควบคุมลูก

โดยพ่อแม่ในแบบนี้มักคิดว่าตัวเองให้กำเนิดลูกแล้วจะเป็นเจ้าของชีวิตลูก ขีดเส้นลูกให้ลูกเดินตามในทุก ๆ ด้าน โดยให้เหตุผลว่า ตนเองมีประสบการณ์มาก่อน (อาบน้ำร้อนมาก่อน) สิ่งที่เลือกให้ลูกนั้น เป็นสิ่งที่ดีที่สุดจากประสบการณ์ของตัวเอง ไม่ปล่อยให้ลูกได้คิด ได้เลือกหนทางของชีวิตตัวเองเลย

2. เป็นพ่อแม่ Over acting

เป็นพ่อแม่ที่แสดงออกเกินความเป็นจริง เช่น เพียงแค่ลูกทำการบ้านไม่เสร็จ โวยวายเหมือนลูกสอบตกต้องซ้ำชั้น หรือลูกขอค่าขนมเพิ่ม ก็โมโหเหมือนลูกขโมยเงินเพื่อนมา เป็นต้น

3. มีอารมณ์รุนแรง ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการอารมณ์เสียตลอดเวลา หงุดหงิดเป็นเรื่องปกติ เป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลเมื่อเกิดปัญหา ไม่ทำตัวให้ลูกรู้สึกมั่นคง เช่น คุณพ่อคุณแม่ชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลเมื่อเกิดปัญหา รวมถึงการใช้อารมณ์ในรูปแบบของความรุนแรง ก็จะทำให้ลูกรู้สึกไร้ที่พึ่งพาทางใจ เพราะคาดเดาไม่ได้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะช่วยคิด และรับมือกับปัญหาของเขาได้อย่างไร

4. ทำดีแค่ไหนก็ยังไม่เคยพอ

เป็นนักเรียกร้อง ลูกทำเท่าไหร่ก็ไม่พอกับความคาดหวัง ตั้งความหวังต่อลูกไว้สูงเกินความสามารถที่ลูกจะทำได้ และเมื่อลูกทำไม่ได้ก็พร้อมจะซ้ำเติมลูกอยู่ตลอด ไม่ว่าลูกจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังแค่ไหนก็ตาม เพราะคุณพ่อคุณแม่มักจะเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น และพยายามหาข้อบกพร่องของลูก เพื่อกดดันให้ลูกพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แม้ว่าจะทำไปด้วยความหวังดี แต่พฤติกรรมนี้ของคุณพ่อคุณแม่กำลังทำให้ลูกขาดความมั่นใจในตัวเอง และทำให้ลูกไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง (self esteem) อีกด้วย

ทำดีแค่ไหนก็ไม่ดีพอในสายตาพ่อแม่ที่เป็นพิษ
ทำดีแค่ไหนก็ไม่ดีพอในสายตาพ่อแม่ที่เป็นพิษ

5.พูดจาเปรียบเทียบ ยกคนอื่นมาเปรียบเทียบกับลูกตัวเองเสมอ

ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะทำไปด้วยความตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม แต่คำเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างพี่น้อง หรือเพื่อน คนรู้จัก คนข้างบ้านก็ตาม คำเหล่านี้นอกจากจะไม่ช่วยพัฒนาใด ๆ แล้ว ยังซ้ำเติมให้เกิดปัญหาต่อพัฒนาการด้านจิตใจ และบุคลิกภาพของคนอีกด้วย

6.ไม่ใส่ใจรับฟังลูก

คำพูดลูกมีค่าน้อยกว่าข้อความที่ส่งต่อผ่านกันมาในไลน์ พ่อแม่ที่เป็นพิษจำนวนมากปฏิเสธที่จะให้ลูกแสดงอารมณ์เชิงลบ ลูกของพวกเขาต้องไม่มีปัญหา จึงไม่ยอมรับฟังความรู้สึกลูก โดยเฉพาะเมื่อลูกมีปัญหา มีอารมณ์ด้านลบ แต่ในความเป็นจริงแล้วอารมณ์ด้านลบ เศร้า โกรธ เสียใจ เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ เราไม่จำเป็นต้องปิดกั้น หรือรู้สึกผิดเมื่อเกิดความรู้สึกเหล่านี้ และพ่อแม่ไม่ควรที่จะไม่รับฟัง หรือช่วยเหลือลูกเมื่อเกิดปัญหา

7. ชอบโทษลูก

เมื่อลูกผิดพลาด คุณมักจะโทษว่าลูกพยายามไม่พอ หรือมักโทษลูกก่อนเสมอ ไม่เคยรับฟัง นั่งวิเคราะห์ หรือชี้ให้เขาเห็นได้ว่าความผิดพลาดนั้น เกิดจากข้อบกพร่องจุดไหน แต่โทษเหมารวมว่าเป็นความผิดของลูกอย่างเดียว

8.ดุเก่ง มีแต่คำตำหนิ ไร้คำชม

ใช้ถ้อยคำตำหนิลูก จนกลายเป็นวิธีการสื่อสารปกติภายในบ้าน ด้วยค่านิยมที่ว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ทำให้พ่อแม่บางคนมีความเชื่อว่า การชมลูกจะทำให้เขาเหลิง เสียคนได้ การตำหนิจะทำให้ลูกตระหนักและคอยปรับปรุงตัวอยู่เสมอ ซึ่งขัดกับผลการวิจัยในปัจจุบันหลาย ๆ ชิ้นที่แสดงให้เห็นแล้วว่า การลงโทษไม่สามารถทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีมากไปกว่า การชมเชย

9.พ่อแม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง

บ่อยครั้งที่คุณพ่อคุณแม่มักจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และยึดถือความต้องการของตัวเองเป็นหลัก โดยไม่สนใจว่าลูกจะมีความสุขหรือไม่ และการกระทำของตัวเองส่งผลต่อความรู้สึกของลูกอย่างไร เมื่อรู้ตัวว่าทำผิดก็ไม่ยอมขอโทษ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกรู้สึกเครียด และไม่มีความสุขเวลาที่อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ได้

10.ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของลูกมากเกินไป

งานวิจัยมากมายที่ระบุตรงกันว่าคุณพ่อคุณแม่ที่เข้าไปมีบทบาทเรื่องส่วนตัวของลูกมากเกินไป จะส่งผลให้ลูกเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองและตำหนิตัวเองว่ายังไม่ดีพออยู่เสมอ

11. ละเลยความรู้สึกของลูก

พ่อแม่บางคน ใส่ใจแต่เป้าหมายที่ตั้งไว้ จนละเลยความรู้สึกของลูก มีชีวิตประจำวันเพียงแค่ฝึกฝนลูกให้สามารถไปถึงเป้าหมายนั้น ๆ ได้ แต่ไม่เคยพูดคุย ถามไถ่ถึงความรู้สึกของเขาว่าเป็นเช่นไร ทำเหมือนกับว่าลูกเป็นหุ่นยนต์ ตื่นมาปฎิบัติหน้าที่เท่านั้น

มองลูกเป็นคู่แข่ง เอาความฝันตัวเองใส่ให้ลูก
มองลูกเป็นคู่แข่ง เอาความฝันตัวเองใส่ให้ลูก

12.มองว่าลูกเป็นคู่แข่ง หรือเอาความฝันของตัวเองใส่ไว้ที่ลูกแทน

โดยเปรียบเทียบลูกกับตัวเองตอนอายุเท่ากัน และแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังข่มลูก มองว่าลูกไม่สามารถเท่าเทียมตีวเองได้ โดยจะมีคำพูดติดปากว่า “ตอนแม่อายุเท่าลูกนะ แม่…..” หรือยัดเยียดความฝันของตัวเองในวัยเด็ก ให้ลูกเดินเส้นทางแทนตัวเอง ที่ไม่สามารถทำได้ โดยไม่คำนึงถึงตัวตนแท้จริงของลูก

เป็นอย่างไรบ้าง ลองนับกันดูมีลักษณะตรงกันกี่ข้อบ้าง แต่อย่าเพิ่งตกใจกันไป หากคุณพ่อคุณแม่ลองพิจารณาตนเองดูแล้วว่าเราเริ่มเข้าข่าย เป็น พ่อแม่ รังแกฉัน หรือ พ่อแม่เป็นพิษแล้ว ก็อย่าเพิ่งกังวลใจกันไป เพราะเราเชื่อว่า สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ได้ทำลงไปนั้น คุณทำไปด้วยเจตนาของความรัก และเป็นห่วงลูกล้วน ๆ แม้วิธีการจะผิดไปบ้างก็ตาม แต่อย่าห่วง วันนี้เราได้รวบรวมวิธีปรับพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังเป็น ยาพิษ ของลูก ให้กลับมาเป็น ของโปรด ของเขาเหมือนเดิมกัน

อ่านต่อ >>ปรับอย่างไร เมื่อคุณกลายเป็นพ่อแม่ที่เป็นพิษของลูก คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up