ภาษาทารก …ทุกครั้งที่เห็นลูกยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ หรือทำท่าทางต่างๆ ซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่า ลูกมีพัฒนาการก้าวล้ำมาอีกขั้น พ่อแม่ต่างก็ปลาบปลื้มใจ แต่สิ่งที่ตามมาคือ ความสงสัยปนแปลกใจว่าสิ่งที่ลูกแสดงออกมาเมื่อตอนนั้น มันหมายความว่าอะไร แล้ว ลูกน้อยกำลังคิดอะไรอยู่ หรือต้องการอะไรกันแน่
แม้จะยังพูดไม่ได้ แต่ทารกก็เกิดมาพร้อม กับความสามารถในการสื่อสาร ทั้งสีหน้าและท่าทาง “จากการศึกษาพบว่า กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของการสื่อสาร ระหว่างเบบี๋กับผู้ใหญ่ล้วนเป็นภาษาท่าทางทั้งสิ้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านออกว่าเบบี๋ต้องการบอกอะไรและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ข้อดีก็คือ เจ้าตัวเล็กรู้สึกปลอดภัยและเกิดความผูกพันกับพ่อแม่มากขึ้น”
ซึ่งการอ่านสีหน้า ต้องหมั่นสังเกตทั้งหน้าตา ท่าทาง และเสียงร้องไห้ของลูกให้ดีๆ เพราะนั้นอาจเป็นการส่งสัญญาณ ขอความช่วยเหลือ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง จึงไม่ยากเกินกว่าพ่อแม่จะอ่านออกแน่นอน
ศ.ดร.ลินดา อเคร-โดโล อาจารย์ด้านจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส และผู้เขียนหนังสือ BabySigns อธิบายความอีกความน่าทึ่งของเด็กทารกไว้ รวม 11 สัญญาณ แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ สีหน้าและท่าทาง ขอเพียงเวลาให้พ่อแม่เรียนรู้การอ่านท่าทางลูกน้อยก็ไม่ยากเกินมือคุณแม่แน่นอนค่ะ แล้วสีหน้า ท่าทาง หรือเสียงร้องของลูกจะบ่งบอกถึงอะไร คุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไรตอบกลับไปหาลูกจากภาษาทางกายนั้นๆ ตามไปถอดรหัสกันค่ะ
ภาษาทารก
√ ถอดรหัสสีหน้าทารก
1. หันหน้าหนีไม่ยอมสบตา
เป็นรหัสที่ลูกน้อยกำลังส่งสัญญาณว่า “คุณอาจยังเอาใจใส่เขาไม่เพียงพอ” ดร.อเครโดโลอธิบาย “ลักษณะนี้จะชัดขึ้น เมื่อลูกอายุได้ราว 2 เดือน ที่เขาไม่ยอมมองหน้าหรือสบตาคุณนั่นก็เป็นเพราะว่าไม่ได้รับการกระตุ้น พ่อแม่อาจเข้าไปสัมผัส กอด อุ้มเล่นหรือพูดคุยกับลูกน้อยเกินไปจนทำให้ลูกสนใจเล่นนิ้วเท้าหรือนิ้วมือของตัวเองมากกว่ามองหน้าหรือสบตาพ่อแม่”
ตอบกลับแสนง่าย : เพิ่มปฏิสัมพันธ์กับเบบี๋ให้มากขึ้น แต่ไม่บังคับ คือ ถ้าลูกเบือนหน้าหนีอย่าเพิ่งพยายามเอาหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ๆ หรือจับลูกให้หันมาสบตาคุณให้ได้ สิ่งที่คุณควรทำคือ ค่อยๆ เพิ่มกิจกรรมกับลูกให้มากขึ้น และอดทนรอคอยให้ลูกหันกลับมาสนใจเอง เช่น อุ้ม กอด และชวนพูดคุยบ่อยๆ ตอบรับเสียงอ้อแอ้ของลูก อุ้มสัมผัสลูกในขณะที่เจ้าตัวเล็กยังตื่นอยู่ เล่นของเล่นด้วยกันอย่างนุ่มนวล เป็นต้น
2. ยิ้มหวาน
“ยิ้มช่วงแรกของทารกยังเป็นปฏิกิริยาตอบกลับอัตโนมัติ ต่อมาเมื่อเริ่มโตขึ้นรอยยิ้มก็จะมีความหมายมากขึ้น และมีอารมณ์ต่างๆเข้าไปเกี่ยวข้องเมื่อตอนเขาอายุได้ราว 6 -8 สัปดาห์ “การยิ้มของทารกเป็นการบอกความพึงพอใจ ความรู้สึกสบายตัว อย่างลูกของฉันยิ้มแรกของเขาเกิดขึ้นตอนได้ซุกตัวอยู่ในผ้าขนหนูอุ่นๆหลังจากอาบน้ำเสร็จ
แม้พอใจลูกก็อยากให้ตอบกลับ : เมื่อได้ เห็นยิ้มแรกของลูก คุณควรยิ้มกลับทันที จะพูดสั้นๆด้วยก็ได้ เช่น “เก่งมากเลยลูก” หรือชวนคุยสัพเพเหระ ลูกยังไม่เข้าใจสิ่งที่คุณ พูดหรอก แต่กระตุ้นพัฒนาการได้ดีเชียวล่ะ
3. นั่นแน่! … ทำหน้าเลียนแบบแม่ด้วย
“เพราะพ่อแม่คือต้นแบบของลูก” ช่วง อายุ3-6 เดือน ทารกส่วนมากจะเรียนรู้ที่จะเลียนแบบการแสดงออกทางสีหน้าจากผู้ใหญ่ และเมื่ออายุประมาณ 9 เดือนเขาจะเริ่มแสดง ออกทางสีหน้าที่ได้เรียนรู้มาแบบมีอารมณ์ ต่างๆเข้ามาด้วย เช่น เวลาที่พบคนแปลกหน้า เบบี๋ส่วนใหญ่จะหันไปมองหน้าแม่ของ ตัวเอง และถ้าเห็นว่าแม่ทำหน้าเศร้าหรือไม่มี ความสุข ความวิตกกังวลของเจ้าตัวเล็ก ก็จะเพิ่มมากขึ้นๆ จนบางคนก็ร้องไห้แงๆได้
อยากให้ลูกเลียนแบบอารมณ์ดี : เคล็ดลับ คือ เราสุขลูกสุขกว่า เราเครียดลูกเครียดกว่า ดังนั้นถ้าคุณกังวล เครียด หรืออารมณ์ไม่ดี หาวิธีผ่อนคลายอารมณ์ตัวเองก่อน อย่างการ หายใจเข้าออกลึกๆหรือทำสมาธิ แม้แต่ มองกระจกแล้วยิ้มให้ตัวเองก็ช่วยให้อารมณ์ เย็นลงได้เหมือนกัน เมื่อคุณรู้สึกดีขึ้น ค่อยกลับมาหาลูก แล้วกอดหรือสัมผัส ลูบหลังเบา ๆ เพื่อทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย ทางที่ดีควรส่งลูกให้คนอื่นช่วยดูแลก่อน แต่ถ้าคุณอยู่กันสองคน แค่วางลูกลงในเปลหรือสถานที่ที่ปลอดภัย แล้วไปสงบ สติอารมณ์ตัวเองก่อนนะคะ
อ่านต่อ >> “ถอดรหัสกระบวนท่าภาษากายของลูกน้อย” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่