ภาษาทารก 11 กระบวนท่าที่พ่อแม่มือใหม่ควรรู้! - amarinbabyandkids
ภาษาทารก

ถอดรหัส เสริมพัฒนาการ 11 กระบวนท่าของทารกที่พ่อแม่มือใหม่ควรรู้!

event
ภาษาทารก
ภาษาทารก

ภาษาทารก

√ ถอดรหัสกระบวนท่าภาษากาย

4. แอ่นตัว แอ่นหลัง

ถ้าลูกน้อยอายุเพียง 2 – 3 สัปดาห์ นอนหงายอยู่และทำท่า แอ่นหลัง  ส่วนใหญ่เด็กอ่อนจะทำท่านี้และร้องไห้งอแงร่วมด้วยผู้เชี่ยวชาญมักฟันธงว่าเจ้าตัวเล็กกำลังรู้สึก “ไม่สบายตัว”  ซึ่งอาจเกิดจากนอนไม่สบายเลยดิ้น  เพื่อหาตำแหน่งที่ตัวเองรู้สึกสบาย  หรือเบบี๋ทำท่านี้ตอนกินก็เพื่อบอกว่า “อิ่มนมแล้วจ้า”

ถ้าลูกอายุ4 – 5 เดือน ทำท่านี้โดยไม่ได้ร้องไห้ จะตีความได้ว่ากำลังพยายามกลิ้งพลิกตัวเป็นครั้งแรก

พ่อแม่ตอบสนองอย่างไรดีเพราะลูกรู้สึกไม่สบายตัว แต่พัฒนาการของการเคลื่อนไหวยังจำกัด ท่าทางนี้จึงเป็นการสื่อสารขอความช่วยเหลือ ไม่ว่าลูกจะอยู่ในเปล ที่นอนคาร์ซีต หรือรถเข็น เพียงแค่คุณลุกขึ้นไปอุ้มลูก ให้ศีรษะของเขาซบลงที่ไหล่ของคุณให้รู้สึกผ่อนคลายสัก 4-5 นาที จากนั้นก็วางเขาลงที่นอนหรือที่เดิมและจัดท่าทางให้สบาย (สำหรับลูกอ่อน) และวางลงบนพื้นให้ลูกได้เกลือกกลิ้งบนพื้นบ้าง ช่วยให้เบบี๋รู้สึกสบายตัวขึ้นได้ค่ะ

ภาษาทารก

5. ขยี้หูขยี้ตา

คุณพ่อคุณแม่อาจคุ้นเคยว่าท่าทางอย่างนี้คือสัญญาณว่าลูกกำลังง่วงหรือเหนื่อยแต่ผู้เชี่ยวชาญอธิบายเพิ่มเติมว่า“สำหรับเบบี๋อายุก่อน 6 เดือน ทำท่าทางนี้ เขาอาจกำลังบอกว่าเหนื่อย ง่วง หรือคัน แต่ถ้าลูกอายุ6 เดือนไปแล้ว อาจหมายถึงว่าเขากำลังเพลิน  สบายใจกับการเล่นหูของตัวเอง เพราะไปสัมผัสเจอโดยบังเอิญเพราะหูเป็นจุดที่ค่อนข้างไวต่อความรู้สึกนั่นเองอีกกรณีหนึ่งถ้าลูกขยี้หูบ่อยๆและมีไข้สูง อาจเกิดอาการติดเชื้อในหู ควรรีบพาลูกไปหาหมอโดยเร็ว

พ่อแม่ทำอะไรได้บ้างสำหรับการขยี้หูขยี้ตาที่เป็นสัญญาณง่วงหรือต้องการพักผ่อน  คุณสังเกตว่าลูกจะมีอาการตอนไหน ตั้งเป็นเวลางีบระหว่างวันและปรับเวลาไปตามอายุลูก

6. ขยับปาก

สำหรับเบบี๋ การขยับปากมี2 อย่างเช่นกัน คือช่วงแรกคลอด2-3 สัปดาห์  เมื่อคุณเขี่ยแก้มลูกน้อย เขาจะหันหน้าและขยับปากตามหาสิ่งที่สัมผัสแก้มเขา  นี่เป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ หลังจาก 3 สัปดาห์  การขยับปากของเบบี๋เป็นสัญญาณที่บอกให้พ่อแม่รู้ว่า “ลูกหิวแล้วจ้ะ”

ท่าทางนี้มีประโยชน์ปฏิกิริยานี้ช่วยคุณแม่หลังคลอดกระตุ้นให้ลูกน้อยกินนมได้เป็นอย่างดี  โดยให้คุณแม่ใช้หัวนมเขี่ยข้างแก้มของลูก ลูกน้อยจะค่อยๆ หันหน้าไปหาหัวนมและงับหัวนมคุณแม่ได้

 

ภาษาทารก

√ ถอดรหัส “เสียงร้องไห้ของทารก”

7. แง้…ตกใจไฟสว่างหรือเสียงดัง

เป็นปฏิกิริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติค่ะ เพราะเบบี๋อยู่ในท้องแม่ที่มืดสลัวและเงียบสงบมาตั้ง 9 เดือนจนคุ้นเคย พอมาเจอแสงสว่างหรือเสียงดังก็ย่อมเกิดอาการตกใจเป็นธรรมดาแต่เมื่อเบบี๋โตขึ้นอายุ3-6 เดือน อาการเหล่านี้ก็จะค่อยๆหายไปค่ะ

พ่อแม่ทำอะไรได้บ้าง : สําหรับลูกน้อยอายุต่ำกว่า 4 เดือน การใช้ผ้าห่อตัวหรือผ้าห่มผืนบางห่มตัวไว้จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเหมือนตอนที่อยู่ในท้องแม่

8. แง้…ลูกหิว

ส่วนใหญ่มักเป็นเสียงร้องหลังตื่นนอน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้บอกวิธีสังเกตเสียงเบบี๋ร้องไห้เพราะหิว เพื่อให้คุณมั่นใจขึ้นอีกว่า “เบบี๋จะร้องเสียงสั้นๆ โทนเสียงต่ำ และถ้าแม่ไม่ให้กินสักทีเสียงร้องก็จะดังและหนักขึ้นเรื่อยๆ”

ทำแบบนี้สิ : ตอบสนองลูกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะในช่วง 2 – 3 เดือนแรกเพราะจะทำให้เจ้าตัวเล็กรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ซึ่งการตอบสนองอย่างรวดเร็ว มีผลดีต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ในอนาคตค่ะ

9. แง้…ไม่สบายตัว

เสียงร้องไห้เพราะเจ็บหรือไม่สบายตัวจะดังชัดเจนกว่าเสียงร้องไห้เพราะหิว สังเกตได้ว่าเจ้าตัวเล็กจะร้องแบบจู่ๆก็ร้องทันทีทันใด ด้วยเสียงสูง แหลม และดังยาวอย่างต่อเนื่อง

เสียงร้องลักษณะนี้ : คุณแม่ต้องเข้าไปหาลูกน้อยโดยเร็ว และตรวจดูว่าผ้าอ้อมเปียกและเลอะเทอะหรือเปล่า หรือเป็นเพราะอากาศร้อนหรือเย็นเกินไป หรือตรวจดูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของลูกว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ จะได้ช่วยแก้ที่ต้นเหตุค่ะ

ภาษาทารก

10. แง้…เหนื่อยจัง

เมื่อเบบี๋อายุขยับขึ้นมาเป็น 2-3 เดือน การร้องไห้จะมีสาเหตุหลากหลายมากขึ้น ที่พบบ่อยคือ ร้องเพราะเหนื่อยหลังจากตื่นนอนมาแล้ว 2 – 3 ชั่วโมง เสียงร้องจะครางขึ้นจมูกและค่อยๆดังขึ้น

ลองทำแบบนี้สิ : อุ้มและโยกตัวลูกไปมาเป็นจังหวะ หรืออุ้มลูกไว้แล้วนั่งบนเก้าอี้โยก โยกเบาๆ หรือจะฝึกให้ลูกหลับเองก็ได้เมื่อลูกเริ่มร้องไห้ก็อุ้มเขามาวางลงบนที่นอนแล้วลูบหน้าอกหรือตบก้นเบาๆ ลูกน้อยจะค่อยๆสงบลงค่ะ

11. อ้อแอ้เป็นแล้วจ้า

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า นี่ละวิธี “คุย” โต้ตอบของเบบี๋จะเริ่มเมื่อลูกน้อยอายุได้ 2-3 เดือน ซึ่งเขาก็เลียนการออกเสียงของพ่อแม่นั่นเอง จนกระทั่งอายุ 4-6 เดือน เสียงอ้อแอ้ของเขาจะมีอารมณ์ต่างๆ เช่น ดีใจ พอใจ หงุดหงิด ฯลฯ เข้ามาด้วย

ทำอย่างไรดี : อย่าปล่อยให้ลูกน้อยคุยเก้อนะคะ โต้ตอบและชวนเขาพูดคุยด้วย เช่น “แม่กำลังพาหนูไปอาบน้ำนะคะ, ดูโน่นสิ มีผีเสื้อเกาะที่ดอกไม้ด้วย”  หรือทำเสียงเลียนแบบลูกบ้างก็ได้

ข้อควรระวัง! พ่อแม่มักจะอ่านอารมณ์ลูกโดยตีความเกินจากสิ่งที่เห็นมากเกินไป  ควรมองว่าลูกพอใจหรือไม่พอใจโดยดูจากสิ่งใกล้ตัวหรือสิ่งที่เขาเผชิญอยู่  ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะอยู่ตรงหน้าคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง …เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่รู้ อ่านออกว่าสีหน้าเหล่านี้ลูกกำลังบอกอะไร ก็จะทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกได้ตรงจุดที่สุดค่ะ

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!


บทความโดย : กองบรรณาธิการนิตยสาร Amarin Baby & Kids

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up