การไม่ปล่อยให้ลูกทำงานด้วยตัวเองให้สำเร็จลุล่วงไป จะเป็นการทำงานความมั่นใจของลูก ทำให้ลูกไม่กล้าที่จะทำงานต่าง ๆ ด้วยตัวเองตามลำพังคนเดียว เพราะคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถที่จะทำได้ ดังนั้นเมื่อเห็นลูกทำอะไรชักช้าไม่ทันใจ อย่าตัดความรำคาญด้วยการรีบทำแทนลูกทันที หรือช่วยเหลือลูกทุกอย่างเพราะกลัวลูกจะลำบากนะคะ ต้องใจเย็น ๆ ปล่อยให้ลูกทำเองจะดีกว่า เก็บความอยากช่วยงานลูกไว้ก่อน ถ้าลูกจัดการงานนั้นได้เสร็จเรียบร้อย เป็นแม่เองที่อาจอยากจะช่วยทำแทนลูกน้อยลงเรื่อย ๆ ในอนาคตได้ค่ะ
จะทำอย่างไรให้เหมาะสมดี หมอขอเสนอแนะดังนี้
1. เมื่อลูกเริ่มโต ค่อยๆปล่อยเรื่องส่วนตัวให้ลูกรับผิดชอบเอง เช่น เด็กประถมก็ควรจะได้หัดจัดตารางสอนด้วยตัวเองโดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะเพียงช่วยเตือนให้ลูกทำหรือช่วยตรวจสอบซ้ำเมื่อลูกจัดเสร็จแน่นอนว่าเมื่อต้องลุกขึ้นมาทำใหม่ๆเด็กๆอาจมีอิดออดไม่อยากทำเองบ้างแต่เมื่อเขาทำได้สำเร็จ (โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยแสดงความชื่นชมที่เขาสามารถรับผิดชอบตัวเองได้) เขาจะรู้สึกดี และค่อยๆพัฒนาไปเป็นความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองค่ะ
2. บางครั้งอาจต้องหาตัวช่วยให้ลูก ที่ไม่ใช่ “คุณพ่อคุณแม่” ยกตัวอย่าง ปัญหาของลูกวัยอนุบาลถึงประถมที่พ่อแม่มักเจอกันบ่อยคือเรื่องการตื่นนอนไปโรงเรียนปลุกเร็วไปลูกก็จะโวยวายว่ายังง่วงอยู่ ปลุกช้าไปก็โวยวายว่าไปรร.ไม่ทัน ตัวช่วยในกรณีนี้ ได้แก่ นาฬิกาปลุก ค่ะ ข้อนี้หมอประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นด้วยตัวเองเลยค่ะ พาลูกไปซื้อนาฬิกาปลุก ให้เขาเลือกเอง (ยิ่งเป็นแบบที่เสียงปลุกเพราะๆจะดีมาก) ทุกคืนก็เพียงเตือนให้ลูกเปิดนาฬิกา ส่วนตอนเช้าก็แค่สังเกตการณ์ แม้ว่าลูกจะยังมีอิดออดบ้างเวลานาฬิกาปลุกดัง แต่อย่างน้อย เขาก็ไม่โทษแม่ว่าเป็นสาเหตุในการตื่นเช้าหรือตื่นสายของเขาอีกเลยค่ะ (อาจจะมีแอบโทษนาฬิกาปลุกบ้างในช่วงแรกๆ)
Must read : เทคนิคการปลุกลูกให้ตื่นนอนแต่เช้าอย่างมีความสุข
3. สอนลูกด้วยการทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี ว่าเมื่อมีเหตุการณ์ที่ผิดพลาด บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องหาคนผิด หรือโทษใครเสมอไปแต่อาจจะดีกว่าถ้าเราจะแค่หาวิธีแก้ไขที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคตอีกค่ะ
Must read : 4 สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ เพื่อลูกมุ่งสู่ความเป็นเลิศ (ในแบบของเขา)
ทั้งนี้หากฝึกฝนบ่อย ๆ เด็กจะชิน เริ่มมีวินัยและความรับผิดชอบตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้ว เด็กๆของเราจะได้ค่อยๆเรียนรู้ด้วยตัวเองว่า คนทุกคนมีหน้าที่ และ ความรับผิดชอบ และมันเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจมากๆเลย หากเราจะสามารถดูแลรับผิดชอบชีวิตของเราเองได้มากขึ้นเรื่อย โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจอยู่เสมอค่ะ
Mom should know : คุณพ่อคุณแม่สามารถหยิบจับ นำธรรมะมาเป็นเครื่องมือสอนลูกได้ เพราะธรรมะจะช่วยสร้างปัญญา พัฒนาจิตใจให้กับลูก เป็นแนวทางที่ช่วยให้ลูกเรียนรู้เรื่องความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง ทั้งทางกาย วาจา และใจ เพราะลูกรู้ว่าสิ่งที่กระทำเป็นเรื่องดีหรือสิ่งผิด เช่น โกหก การหยิบสิ่งของผู้อื่น หรือให้ร้ายผู้อื่น เป็นเรื่องไม่ดีค่ะ
Must read : สอนลูกให้เป็นคนดี มีจริยธรรมตั้งแต่แรกเกิด
Must read : 3 หัวใจหลัก เลี้ยงลูกด้วยธรรมะ เสริมภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต
การมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบใดก็ตาม ควรดูความเหมาะสมของวัยและความสามารถ (ยืดหยุ่น) ด้วยค่ะ เช่น เด็กเล็กควรเริ่มจากเรื่องง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนเกินความสามารถ ถ้าเด็กโตอาจเพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้น และเมื่อลูกเรียนรู้ ปฏิบัติได้จริง คุณควรก็เป็นผู้ส่งเสริมเติมกำลังใจ ด้วยคำชมกับลูก ที่สำคัญพ่อแม่ยังต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกเสมอ
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- [Blogger พ่อเอก-55] สอนให้รู้จักรับผิดชอบต่อส่วนรวม
- 5 เทคนิค ฝึกระเบียบให้ลูก แบบครอบครัวญี่ปุ่น
- ฝึก “วินัย” ลูก ให้ความสามารถนำทางชีวิตด้วยตัวเอง
- 12 เทคนิค สร้างลูกดี มีวินัย
ขอบคุณบทความจาก : พญ.พรพิมล นาคพงศ์พันธุ์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ เจ้าของเพจ “เลี้ยงลูกให้เป็นคนปกติ” และ www.dmc.tv