เมื่อลูกมีอาการไอ คุณแม่มักมีความกังวลไม่น้อย ยิ่งไอไม่หยุด ไอทั้งวันทั้งคืน หรือไอแบบมีเสมหะด้วย คุณแม่มักจะรีบหาซื้อ ยาแก้ไอ มาให้ลูกน้อยทันที และ ยาแก้ไอ สําหรับทารก นั้นควรเลือกแบบไหนให้ลูกดี วันนี้ Amarin Baby & Kids มียาบรรเทาอาการไอสำหรับเด็กมาเปรียบเทียบให้คุณแม่ๆ ดูกันค่ะ
อาการไอของลูกน้อย
มีคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิดคิดว่าอาการไอนั้นเป็นโรค พยายามหายารักษา เพื่อไม่ให้เกิดอาการไอ ซึ่งการทำเช่นนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ยาที่มีคุณสมบัติกดอาการไอหรือทำให้หยุดไอในทันทีทันใด อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ความจริงแล้วอาการไอเป็นเพียงอาการแสดงอย่างหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่เป็นโรค เป็นอาการที่บอกว่ามีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นภายในระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมหรืออะไรเข้าไปทำให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจตั้งแต่ภายในบริเวณคอ หลอดลม หรือลึกลงไปจนถึงกิ่งแขนงของหลอดลม ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาป้องกันตัวเองโดยการไอเพื่อขับเอาสิ่งแปลกปลอมหรือสิ่งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองนั้นออกมา
อาการไอจึงเป็นอาการตอบสนองของร่างกายคนเราที่มีประโยชน์ เพราะถ้าเราไม่เกิดอาการไอ สิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นก็จะคั่งค้างสะสมไว้ภายในระบบทางเดินลมหายใจหรือในปอดทำให้เกิดปัญหา เช่น ปอดบวม หรือปอดอักเสบตามมาได้ ดังนั้นเมื่อตัวเราหรือลูกเกิดอาการไอก็ควรหาสาเหตุ แล้วแก้ไขต้นเหตุนั้นจะดีกว่าการซื้อยาแก้ไอมาทานทุกครั้งไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะอาจจะเป็นอันตรายมากกว่าจะเป็นผลดีดังที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งโดยมากแล้วอาการไอในเด็กมักเกิดจากลูกเป็นหวัดแล้วน้ำมูกไหลลงไประคายคอหรือเกิดจากคอหรือต่อมทอนซิลอักเสบ พออาการหวัด น้ำมูกไหลหายหรืออาการอักเสบดีขึ้น อาการไอก็จะหายไปเอง ทั้งนี้คุณแม่ต้องสังเกตอาการดี ๆ จะรู้ได้ถึงสาเหตุของอาการไอในแต่ละแบบ เพื่อให้คุณแม่รู้ทันอาการไอ และสามารถเลือกหาซื้อยาแก้ไอมารักษาลูกน้อยได้ โดยเบื้องต้นมาดูข้อมูลต่อไปนี้ค่ะ
♦ ไอจากไข้หวัด
หมายถึงอาการไอที่เกิดหลังจากหวัด มาจากการติดเชื้อไวรัสในอากาศ ฉะนั้น ถ้าลูกน้อยเป็นหวัด อาจทำให้ลูกมีไข้ น้ำมูกไหล กระตุ้นให้เกิดอาการไอ ระคายคอได้ ส่วนใหญ่เมื่ออาการหวัดของลูกหายไป (ภายใน 2-3 สัปดาห์) อาการไอก็จะหายไปด้วย
♦ ไอแบบมีเสมหะ
เกิดจากหลอดลมอักเสบและมีอาการติดเชื้อ เป็นอาการไอที่พบเห็นได้บ่อยๆ เพราะเด็กที่เป็นหวัดมักจะไอ เช่นนี้
♦ ไอเสียงก้อง
อาจหมายถึงการอักเสบที่ท่อลมขนาดใหญ่
♦ ไอคล้ายเสียงหมาเห่า
ดูน่ากลัวใช่มั้ยคะ แต่ถ้าลูกคุณไอลักษณะเช่นนี้ อาจเป็นอาการของโรคครูป ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการติดเชื้อของทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการอักเสบและบวมของกล่องเสียงและหลอดลมโดยเฉพาะที่ตำแหน่งใต้ต่อมกล่องเสียง เป็นสาเหตุของภาวะอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนแบบเฉียบพลัน ที่พบบ่อยในเด็กอายุระหว่าง 6 เดือน ถึง 6 ปี
♦ ไอต่อเนื่องเป็นชุดๆ มีอาการเป็นช่วงๆ
เด็กอาจสำลักสิ่งแปลกปลอม ติดเชื้อคลาไมเดีย หรือเชื้อไอกรนก็ได้
♦ ไอมากกลางคืน
โรคที่มีโอกาสเป็นไปได้ หากลูกคุณมีอาการไอเช่นนี้ อาทิ ไซนัสอักเสบ หรือไอเพราะโรคหอบหืด
♦ ไอมากตอนเช้า
เด็กที่มีอาการไอในช่วงเวลาเช้าอาจเป็นโรคหลอดลมโปงพองค่ะ
♦ ไอหลังจากเล่นหรือออกแรงมากเป็นประจำ
เป็นอาการไอจากภาวะหลอดลมมีภูมิไวเกิน (ภูมิแพ้เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ)
♦ ไอเบา ๆ / ไอระคายคอ
อาจเกิดขึ้นได้จากความซุกซน นึกสนุก ทำเสียงดัง ๆ ตะโกนเก่ง ๆ ของเจ้าตัวเล็ก หรืออาจเป็นการไอของลูกน้อย ที่เลียนแบบผู้ใหญ่ที่ได้ยินเสียงไอบ่อย ๆ ก็มีสิทธิ์ทำให้เกิดอาการไอ ระคายคอได้ง่าย ๆ เช่นกันนะคะ
นี่เป็นเพียงการสังเกตอาการเบื้องต้นของเด็ก ถ้าลูกของคุณมีอาการดังกล่าว และคุณเฉลียวใจพาไปพบแพทย์ แพทย์จะสอบถามประวัติของเด็ก การเลี้ยงดู และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นจึงให้ยาที่ถูกต้องกับโรคมารับประทาน สังเกตอาการของเจ้าตัวน้อยกันสักนิด แล้วคุณจะไม่เสียใจในภายหลังนะคะ
อ่านต่อ >> “การเลือกยาแก้ไอ สําหรับทารก” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่