4. ค่านิยมทางความคิดเรื่องต่างๆ (แต่ละครอบครัวแตกต่างกัน)
ข้อนี้สำคัญมากๆ เพราะเป็นจุดส่งผ่านอิทธิพลทางความคิดไม่ว่าเรื่องไหน ก่อนวัยที่ลูกจะคิด เลือก ตัดสินใจและทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง ฟังพ่อแม่น้อยลง หันมาฟังสิ่งรอบตัว คนรอบตัว และตัดสินใจด้วยตัวเขาเอง
ยกตัวอย่าง…
= ค่านิยม การแต่งตัวให้เหมาะสมกับโอกาส สถานการณ์กาลเทศะ
= การคบเพื่อน (เริ่มโต เรื่องนี้สำคัญมาก) เราจะเป็นค่าเฉลี่ยของ 5 คนที่เราคบ นั่นคือ ลูกคบเพื่อนแบบไหน โอกาสที่ลูกจะคิด เป็น และทำสิ่งต่างๆ แบบเพื่อนมีสูงมาก พ่อแม่ต้องส่งมอบอิทธิพลในการเลือกคบเพื่อนดีๆ เพื่อนที่นำพาลูกไปสู่ทางที่ดีให้ได้ก่อนวัยที่จะแตะเพื่อนลูกไม่ได้ เพราะเขาเลือกของเขาเองแล้ว
= การเลือกเสพสื่อ สิ่งดีๆ เข้าหัวในแต่ละวัน สอนแนะนำตัวอย่าง สื่อดี สื่อไม่ดี ข้อพึงระวังการใช้สื่อ
= การพัฒนาตัวเอง การเรียนรู้ การฝึกฝนทักษะชีวิต
= ความสัมพันธ์กับคนรอบตัว กับครอบครัว การจัดสรรแบ่งเวลา
หมอเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวมากๆ สิ่งที่หมอทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง และสอนลูกเสมอ คือเรามีเวลาให้ตัวเองได้ แต่ต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวด้วย ลูกเป็นคนสำคัญในครอบครัว ลูกหล่อเลี้ยงหัวใจ คนแก่ให้ชุ่มชื่นขึ้น จงทำหน้าที่ดีๆของลูกให้ดีที่สุด
ในขณะที่คุณยาย คุณปู่ คุณย่า ยังอยู่กับลูก เด็กอยู่กับคนแก่ ดูแลคนแก่ คือภาพที่น่ารัก น่าชื่นชม นี่คือค่านิยมของหมอที่สอนลูก ซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกครอบครัว อยากสอนเรื่องไหน รีบส่งมอบอิทธิพลทางความคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เพราะถ้าเกินจากนี้ เราอาจไม่มีเวลาเหลือแล้ว !!
5.ทักษะการเป็นเจ้านายของเงิน
เด็กควรได้รับการสอน การเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี เด็กที่ได้อ่าน “ความสุข ลูกเสกได้” จะเข้าใจดี ♥ เด็กควรได้รู้จักคำว่า “จำเป็น” กับ “ความต้องการ” เด็กควรได้เรียนรู้การบริหารเงิน โดยมีแม่คอยดูแล และค่อยๆให้อำนาจในการใช้เงินของเขาทีละนิด
สิ่งสำคัญที่หมอเห็นว่า ดีมากๆ จากประสบการณ์คือ เด็กควรได้เรียนรู้การหารายได้ด้วยตนเอง โดยใช้ทักษะและความสามารถของเขาที่มีในตัว เราจะได้เห็นความสามารถในตัวของเด็ก หลายเดือนก่อนไปเข้าค่าย หมอได้เห็นศักยภาพ เด็กโฮมสคูลเยอะมาก
มีทักษะเรื่องนี้ ผลที่ตามมาคือ เด็กจะรู้คุณค่าของเงิน รู้ว่า เงินทองไม่ได้ลอยมาจากฟากฟ้า ได้บริหารความคิด ไอเดียสร้างสรรค์ รู้จักฝึกฝนทักษะ ได้พัฒนาตัวเองเพื่อนำทักษะความสามารถตัวเองออกมาใช้เขาจะเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
(คุณหมอภาเอ่ยถึงลูกสาว) = เจ้าขามีเงินไปบริจาคให้คนขาดโอกาส เก็บเงินซื้อจักรยาน ซื้อตั๋วไปเที่ยวฮ่องกงให้ตัวเองได้ กำลังอยู่ในเป้าหมาย เก็บเงินพาพ่อแม่ น้อง คุณยายไปเที่ยวให้ได้ ด้วยเงินของตัวเองทั้งหมด ตอนนี้มาได้ครึ่งทางแล้ว ก็เพราะมีแรงผลักดันให้ได้ฝึกฝนทักษะนี้ตั้งแต่เล็กๆ
♦ โบนัสแถมท้าย…
♥ ♥ สอนลูกให้รู้จักการตั้งเป้าหมาย ♥ ♥ คนที่มีเป้าหมาย มีฝัน จะมีพลังมหาศาลในชีวิต ชีวิตของเขาจะตื่นเช้าขึ้นมาเต็มไปด้วยแผนการว่า
วันนี้เราจะทำอะไรที่ขยับไปให้ใกล้เป้าหมายดีนะ ♥ หมอสอนลูกให้ตั้งเป้าหมายตั้งแต่เล็ก เพื่อนๆที่ติดตามกันมาจะได้อ่าน และตอนหลังมาเป็นเด็กโฮมสคูล จึงมีโอกาสในการฝึกฝนทักษะตรงนี้ค่อนข้างมาก เพราะต้องฝึกดูแลตัวเอง ทุกด้าน ทั้งรับผิดชอบเรื่องพื้นฐานตัวเอง การศึกษาตัวเอง รับผิดชอบเป้าหมายของตัวเอง ว่าเราจะเดินไปทางไหน
สอนลูกให้ตั้งเป้าหมายให้ครบทุกด้าน แต่ละวันของเด็กที่มีเป้าหมาย จะเต็มไปด้วยพลัง มีแรงขับเคลื่อน เขาจะไม่ทิ้งเวลาให้ผ่านไปวันๆ เขาจะไม่เหลือเวลาไปติดมือถือจนไม่ได้ทำอะไร เพราะไหนจะเรียน ไหนจะพัฒนาภาษา ไหนจะฝึกฝนพัฒนาตัวเองด้านต่างๆ ไหนจะสร้างผลงานตัวเอง
ชีวิตที่มีเป้าหมาย ชีวิตที่ได้เดินตามฝัน ชีวิตที่ได้เลือกทำสิ่งที่ตัวเองรัก ตัวเองถนัด เป็นชีวิตที่มีความสุขและมีพลังมาก ♥
ทั้งนี้คุณหมอภา ยังได้กล่าวจบท้ายว่า แรงบันดาลใจในการเขียนบทความยาวเหยียดนี้เพราะมี inbox ตัวอย่างปัญหาข้างบน มาหาหมอเยอะมากกกก ถามว่า หลังจากนี้แก้ได้มั้ย แก้ยากมากๆ แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ค่อยๆแก้ไข ไปทีละเปลาะ
หมอแนะนำ ให้เริ่มจากเติมถังบรรจุรักให้เต็มก่อน อย่าเพิ่งมุ่งสอน หรือแก้ไข เพราะวัยนี้ มักไม่ได้ผลแล้ว เมื่อมีความรักความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ลูกมีความเชื่อใจเราลูกจะยอมเปิดใจรับฟังคำชี้แนะจากพ่อแม่ แล้วค่อยๆแก้ไปทีละเปลาะนะคะ 5 อย่าง สร้างให้ได้ก่อน 8 ขวบ
หลังจากนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล…
ทำให้ดี…เรามีเวลาไม่นาน
เพื่อนๆ เหลือเวลาอีกเท่าไหร่คะ ??
ด้วยความรัก
หมอภา/Jeerapa prapaspong
#30หลักคิดติดปีกลูก
#ความสุขลูกเสกได้
อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!
- ทำอย่างไรเมื่อ…ลูกไม่อยากไปโรงเรียน !!
- ลูกไม่ได้เกิดมาโดยบังเอิญ และมีพรสวรรค์พิเศษ
- 4 กับดักชีวิตคู่ ทำลาย ความสุข-ความสำเร็จของลูก
- เติมอาหารสมองให้ลูกในตอนเช้า สร้างจิตสำนึกที่ดีให้ลูก
ขอขอบพระคุณบทความดีๆ จาก คุณ หมอภา/Jeerapa prapaspong