เช็กรายชื่อ ชนิดของปลาโอเมก้าสูง จากทั่วโลก
สำหรับปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง ไม่เฉพาะปลาทะเลน้ำลึกจากต่างประเทศ ปลาไทยก็มีกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่นกัน โดยปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 ทั้งในปลาไทยและปลาเทศมีดังนี้
จากข้อมูลทั้งหมด เมื่อลองสังเกตดูดีๆ แล้วจะเห็นได้ว่าปริมาณไขมันโอเมก้า 3 ที่มีอยู่ในปลาน้ำจืดของไทยเรานั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่แพ้ปลาทะเลน้ำลึกเลยล่ะค่ะเมื่อเทียบกับราคาที่แสนจะแพงกว่าของปลาทะเลน้ำลึกแล้ว อย่างนี้ก็แค่เดินไปตลาดใกล้บ้านแล้วเลือกซื้อปลาไทยบ้านเรามาประกอบอาหารก็ได้คุณค่าทางโภชนาการเต็มเปี่ยม นอกจากได้สุขภาพที่ดีและยังประหยัดเงินแถมคุ้มค่ากับปลาที่เป็นโปรตีนคุณภาพสูงไขมันต่ำ ไม่อ้วนแล้วยังบำรุงสมองของลูกน้อยอีกด้วย
เรื่องต้องรู้ก่อนกินโอเมก้า 3
นอกจากโอเมก้า 3 จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ก็ยังมีข้อควรระวังที่เราทุกคนต้องใส่ใจ ดังนี้
- ผู้ที่แพ้อาหารทะเลควรหลีกเลี่ยง การเสริมกรดไขมันโอเมก้า 3 จากน้ำมันปลา แนะนำให้กินกรดไขมันโอเมก้า 3 จากแหล่งอื่น เช่น น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed Oil) โดยสมาคมมังสวิรัติ (The Vegetarian Society) ของอังกฤษแนะนำให้เสริมกรดไขมันโอเมก้า 3 โดยใช้น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ปรุงอาหารวันละ 1 ช้อนโต๊ะ
- ไม่ควรกินกรดไขมันโอเมก้า 3 เกินวันละ 3 กรัม หรือกินปลาที่ปนเปื้อนสารปรอทปริมาณสูงในระยะตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ได้ หากต้องการเสริมกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณสูงควรปรึกษาแพทย์
- ควรงดน้ำมันปลาอย่างน้อย 7 วันก่อนผ่าตัดหรือทำฟันเพราะน้ำมันปลามีคุณสมบัติทำให้เลือดแข็งตัวช้า เลือดจึงหยุดไหลยาก
- ควรสังเกตปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 บนผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ เช่น จากคำแนะนำที่ให้กินกรดไขมันโอเมก้า 3 วันละ1,000 มิลลิกรัม หมายถึง ปริมาณรวมของกรดไขมันชนิด EPA และ DHA ไม่ใช่ปริมาณของน้ำมันปลาที่บรรจุในแคปซูล เพราะในน้ำมันปลา 1,000 มิลลิกรัม จะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 เพียง 30 เปอร์เซ็นต์ หรือ 300 มิลลิกรัมเท่านั้น
อ่านต่อ >> “เทคนิคการเลือกปลาโอเมก้า 3 สูง ที่เหมาะสมก่อนนำมาทำอาหารให้ลูกกิน” คลิกหน้า 3
ขอบคุณข้อมูลจากนิตยสารชีวจิต
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่