ลูกเล่นเลอะเทอะ – เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายๆ บ้าน ที่มีลูกวัยเตาะแตะ อาจเคยรู้สึกปวดหัวกับการเล่นที่เลอะเทอะสกปรกของลูก แต่จริงๆ แล้วการเล่นซนจนมอมแมมเลอะเทอะ ถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กๆ วัยนี้ ทั้งการเล่นดิน เล่นโคลน ละเลงสี วาดภาพด้วยมือเปล่า หรือแม้แต่ต่อตัวต่อเลโก้ ก็เป็นการเล่นที่เลอะเทอะเช่นกันหากชื้นส่วนตัวต่อเกลื่อนไปทั่วพื้นบ้าน คุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินคำพูดประโยคนี้กันมั้ยคะ “ยิ่งเลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์” แน่นอนว่าคำกล่าวนี้คงไม่ได้คิดขึ้นมาเล่นๆ ให้สวยหรู แต่เชื่อมั้ยว่าการปล่อยให้ลูกเล่นเลอะเทอะมอมแมมนั้นดีสำหรับเด็ก และส่งผลดีต่อพัฒนาการในหลายด้านของลูกได้จริงค่ะ
ให้ ลูกเล่นเลอะเทอะ บ้างสิดี! เลอะแบบนี้ ดีต่อพัฒนาการ!
ต่อไปนี้ คือ 13 วิธี ที่ลูก ๆ ของเราได้เรียนรู้และพัฒนาจากการได้เล่นแบบเลอะเทอะอย่างสุดเหวี่ยง!
1. ได้สำรวจตรวจตราด้วยความอยากรู้อยากเห็น
สำหรับเด็กๆ แล้ว การเล่นแบบมอมแมมเลอะเทอะเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมาก ในความคิดของเด็กวัยนี้พวกเขาสามารถลืมทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้และเพลิดเพลินอย่างเต็มที่ไปในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา เด็กจะได้โอกาสสำรวจและได้ทำตามความอยากรู้อยากเห็นได้อย่างอิสระ การสำรวจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กเพื่อให้พวกเขาเข้าใจโลกและได้เข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น
ความสามารถในการสำรวจและไล่ตามความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการทางความคิด ความอยากรู้อยากเห็นและเข้าใจวิธีปฏิบัติตามความอยากรู้อยากเห็นนั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้พวกเขาได้สร้างการเรียนรู้อยู่ตลอดในช่วงชีวิตของการเรียนรู้
ซึ่งสิ่งนี้จะสำคัญสำหรับพวกเขาเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตเช่นกัน หากคนเราไม่อยากรู้อยากเห็นเ คงไม่มีใครคิดค้นหรือสร้างนวัตกรรมอะไรขึ้นมาได้มากมาย จำไว้ว่าเด็ก ๆ มีความอยากรู้อยากเห็นเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นควรปล่อยให้พวกเขาได้ทำมันเถอะค่ะ
2. ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย
ในวัยเตาะแตะ สมองและร่างกายของเด็กกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง เรื่องราวต่างๆ ในโลกหลายต่อหลายเรื่อง ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขาและเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเขาจะต้องสำรวจสิ่งใหม่นั้นให้ได้ ผู้ใหญ่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับโลกและแนวคิดดีๆ ผ่านการอ่านหนังสือหรือดูรายการสารคดี แต่สำหรับเด็ก ๆ หากเกิดความอยากรู้ หรือต้องเรียนรู้เกี่ยวกับโลกของพวกเขา พวกเขาต้องได้เล่น! ได้เล่น! และได้สัมผัส!
การยุ่งและหมกมุ่นอยู่กับการเล่น ทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับสิ่งง่ายๆ เกี่ยวกับโลกของพวกเขาอย่างแท้จริง แม้ว่าบางอย่าง เช่น การวาดภาพด้วยนิ้วอาจดูเป็นเรื่องปกติและค่อนข้างง่ายสำหรับเรา แต่มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขา สีของพื้นผิว หลักการทำงานของสี ทั้งหมดนี้ เป็นพื้นฐานที่ทำให้ใจดวงเล็ก ๆ ของพวกเขาพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง
3. ฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์
การเล่นซนเลอะเทอะ ช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึกการรับรู้เชิงพื้นที่ นักวิจัยพบว่าเด็กที่มีการรับรู้พื้นที่ได้ดี จะหัวไวทางคณิตศาสตร์ การรับรู้เชิงพื้นที่จะช่วยเด็กๆ ได้รู้จักและทำความเข้าใจว่าตัวเขาและร่างกายของเขาอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้ นอกจากนี้ยังหมายถึงความเข้าใจทางเรขาคณิต เช่น บล็อกไม้สี่เหลี่ยมจะไม่พอดีกับช่องวงกลม เป็นต้น
การมีโอกาสได้เล่นเลอะเทอะมอมแมมมีแนวโน้มที่เด็กๆ จะได้ใช้ร่างกายอย่างเต็มที่ ดังนั้นเด็ก ๆ จึงได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายของพวกเขาและสถานที่ นอกจากนี้การเล่นยังดึงดูดสายตาได้ในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น การวาดภาพด้วยนิ้ว ทำให้เด็กมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับโลกทางกายภาพซึ่งนำไปสู่ทักษะทางคณิตศาสตร์
การกระตุ้นทักษะทางคณิตศาสตร์อีกวิธีหนึ่งที่เกิดขึ้นได้จากการเล่นที่เลอะเทอะ คือ การใช้เครื่องมือหรือของเล่นที่สนับสนุนให้เด็กๆ ได้ใช้ประสาทสัมผัส มีกิจกรรมการเล่นที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสมากมายสำหรับเด็กๆ ได้แก่ เครื่องมือตัก เช่น ถ้วยตวง และชามขนาดใหญ่เป็นต้น ในขณะที่เด็กกำลังขุดหาวัสดุ ประสาทสัมผัสพวกเขากำลังเรียนรู้สิ่งต่างๆ เช่น “ต้องใช้ช้อนใหญ่ในการเติมชามนี้ให้เต็มเร็วๆ ” มันอาจดูเป็นเรื่องง่ายๆ แต่แนวคิดของสิ่งของขนาดใหญ่ (ชามเต็มใบ) ที่ทำจากชิ้นส่วนขนาดเล็กจำนวนมาก (ที่ตักหรือถ้วยตวง) เป็นแนวคิดทางคณิตศาสตร์ในระดับเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับเด็ก ๆ
4. ส่งเสริมให้มีสุขภาพทางดี
ส่วนใหญ่หมายถึงการเล่นที่เลอะเทอะซึ่งเกิดขึ้นบนพื้นดิน ผืนทราย นักวิทยาศาสตร์กำลังค้นพบข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ว่าการที่เด็ก ๆ ได้เล่นอยู่กับพื้นดิน ผืนทรายนั้นเป็นเรื่องดี เนื่องจากเด็กที่ได้เล่นสกปรกบ้าง จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น และป่วยน้อยลง แต่ในทางกลับกันเด็ก ๆ ที่ได้รับการปกป้องจากเชื้อโรคอยู่เสมอ หรือไม่เคยได้เล่นแบบเลอะเทอะไปกับหินดินทรายเลยอาจต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพ เช่นโรคหอบหืด และโรคภูมิแพ้ในภายหลัง เมื่อเด็กๆ ได้ออกไปเล่นข้างนอก พวกเขามักจะได้ใช้ร่างกายเกือบจะทุกส่วน ซึ่งดีต่อสุขภาพและพัฒนาการ หากพวกเขาพัฒนาการเล่นให้เป็นนิสัยหรืองานอดิเรกที่ดีได้ ก็จะช่วยให้เด็กๆ มีสุขภาพกายที่ดีตลอดช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ได้ ดังนั้นปล่อยให้ลูกได้ลองเล่นลองทำ เช่น ทำขนมจากโคลน ปีนต้นไม้ คลานบนพื้นหญ้า หรือกลิ้งตัวไปมาบนพื้นดินพื้นทราย เพราะว่าทั้งหมดที่กล่าวมามันดีต่อสุขภาพของพวกเขาค่ะ!
5. พัฒนาทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก
สิ่งที่น่าเสียดายคือเด็ก ๆ หลายคนเข้าโรงเรียนอนุบาลโดยไม่มีทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กที่ดีพอที่จะสามารถจับดินสอหรือตัดกระดาษได้ แต่ทราบหรือไม่ว่าทักษะนี้เป็นหนึ่งในทักษะที่สนุกและหลากหลายที่สุดในการทำงาน! การเล่นแบบไร้ระเบียบ ช่วยให้เด็กทำงานได้ดีกับทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กที่ดี ไม่ว่าจะใช้มือขุดดิน วาดภาพด้วยนิ้ว หรือปั้นแป้งโดว์ การเล่นที่ยุ่งเหยิงเลอะเทอะ มีแนวโน้มที่จะทำให้พวกเขาได้ดื่มด่ำและเพิ่มพูนทักษะการหยิบจับไปกับมือของพวกเขา
6. ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส
ประสบการณ์ประสาทสัมผัสมีความสำคัญต่อการเติบโตของจิตใจและร่างกาย พวกเขากำลังเรียนรู้เกี่ยวกับพื้นผิวสีรสนิยมกลิ่นและเสียง เด็ก ๆ ยังใหม่สำหรับโลกใบนี้ พวกเขายังคงเรียนรู้เกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เราเข้าใจดีแล้ว และส่วนหนึ่ง คือโลกแห่งประสาทสัมผัส เราอาจเคยเห็นว่า เด็ก ๆ ที่ดูเครียด วิ่งไปหยุดที่โต๊ะขอเงล่น หลังจากเวลาผ่านไป 30 นาที พวกเขาก็กลับมาและพร้อมที่จะเรียนรู้และสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
7. ทักษะด้านภาษา
การเล่นที่ได้ใช้ประสาทสัมผัส และการได้เล่นกลางแจ้ง มักมีชุดคำศัพท์ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้มากมาย เช่น ลื่น เหนียว สกปรก เละ หยาบ เรียบ เงางาม หมองคล้ำ ล้นทะลัก ร่วง หลากสีสัน กินได้ กินไม่ได้ เป็นต้น ผู้ใหญ่สามารถช่วยบรรยายสิ่งต่างๆ เพิ่มเติมหากพวกเขาสงสัยได้
นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องสนุก และน่าเอ็นดู ที่เราจะได้ยินเด็ก ๆ คิดคำและวลีใหม่ๆ ขึ้นมาเองเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าจะใช้คำเฉพาะเจาะจงเพื่ออธิบายบางสิ่งบางอย่างที่เขาพบเห็นมาได้อย่างไร การค้นหาคำที่ถูกต้องจากใจของพวกเขาแล้วอธิบายด้วยวิธีของพวกเขาเองไม่เพียงแต่ดูน่ารักเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาได้พัฒนาทักษะการใช้ภาษาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย!
8. ทักษะทางสังคม
การเล่นกลางแจ้ง และการเล่นที่ได้ใช้ประสาทสัมผัส มักจะเป็นการได้เล่นร่วมกันกับเด็กคนอื่นๆ ดังนั้น ลูกต้องมีการสื่อสารกับเพื่อนๆ มีการประนีประนอม และปรับตัวให้เข้ากับวิธีการเล่นของเด็กคนอื่น ๆ แน่นอนว่าพวกเขาสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับกฎที่กำหนดหรือวิธีการเล่นบางอย่างที่ต้องทำตาม การได้เล่นอย่างฟรีสไตล์ทำให้เด็กๆ มีโอกาสในการเรียนรู้การเข้าสังคม การแบ่งปันและสร้างเรื่องราวและกฎเกณฑ์ของตนเอง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูก ๆ ในการฝึกฝนการเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นที่รักของคนอื่นๆ ในสังคม
9. พัฒนาสมาธิและความสนใจจดจ่อ
เด็กๆ มักจะหมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมการเล่นที่ดูเลอะเทอะยุ่งเหยิงของพวกเขาด้วยความมุ่งมั่นและหลงใหล สิ่งนี้ช่วยพัฒนาความสามารถในการจดจ่อและพัฒนาสมาธิในการสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาซึ่งสิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างแน่นอนเมื่อพวกเขาต้องไปโรงเรียน และต้องรวบรวมสมาธิและความสนใจไปยังบทเรียนและการบ้านที่ครูให้
การวิจัยพบว่าเด็กที่มีช่วงความสนใจดีจะทำผลงานต่างๆ ได้ดีกว่าเมื่อเข้าโรงเรียนอนุบาล และมักส่งผลดีไปตลอดช่วงชีวิตที่เหลือของพวกเขา ทั้งประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย และการก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน
มันน่าทึ่งมากที่ เพียงแค่การปล่อยให้เด็ก ๆ ได้สนุกสนานและเลอะเทอะไปกับการเล่นของพวกเขาจะสามารถส่งผลที่ดีต่อเรื่องวิชาการ และหน้าที่การงานของพวกเขาไปตลอดชีวิตได้!
10. ความคิดสร้างสรรค์
การขุดดินเล่นโคลน การวาดภาพด้วยนิ้ว การสาดน้ำในแอ่งน้ำหลุมโคลย และกิจกรรมการเล่นที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนอื่น ๆ ไม่มีความคาดหวังใดๆ ที่ต้องทำให้เกิดขึ้นจากการเล่น ไม่มีวิธีการทำหรือคู่มือการใช้งานที่กำหนดไว้ มันคือการเล่นอิสระที่เปิดกว้างอย่างสมบูรณ์สำหรับเด็ก ๆ ซึ่งเอื้อให้พวกเขาเกิดความคิดสร้างสรรค์ที่ดีได้
ความคิดสร้างสรรค์แสดงให้เห็นว่ามีความสำคัญในการสร้างการเชื่อมต่อของสมองในเด็กเล็ก ซึ่งเป็นวัยที่การปลูฏฝังทักษะพื้นฐานและการสร้างการเชื่อมต่อเซลล์ประสาทมีความสำคัญมากๆ! ดังนั้นจงช่วยให้เด็กๆ มีโอกาสได้สำรวจสิ่งต่างๆ เพื่อให้เกิดจินตนาการและการเรียนรู้อย่างที่พวกเขาต้องการได้จะดีมากค่ะ
11. การควบคุมตนเอง
เด็กๆ จะได้เรียนรู้และเข้าใจว่าขีด จำกัด ของตัวเองอยู่ตรงไหน อิสระในการเล่นซนทำให้พวกเขามีโอกาสเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์และการกระทำของตนเอง หากพ่อแม่ควบคุมสิ่งที่สมรรถภาพทางร่างกายของลูกทำได้หรือทำไม่ได้อยู่ตลอดเวลา พวกเขาจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพ่อแม่ต้องคอยบอกให้ทำหรือไม่ทำอะไรบางอย่าง เพราะจริงๆ แล้วการกำกับตนเองเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเรียนรู้และตัดสินใจด้วยตัวเอง
12. ได้ปลดปล่อยตัวเองจากการโดนห้ามทำสิ่งต่างๆ
กิจกรรมการเล่นที่มอมแมม เลอะเทอะ เละเทะ จะทำให้เด็ก ๆ มีโอกาสลดความกังวลและความกลัวของพวกเขา กระตุ้นให้พวกเขาสนุกและหาประสบการณ์ในชีวิตได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวการถูกห้าม เด็กที่ถูกห้ามทำนู่นทำนี่มากเกินไปมักจะรู้สึกวิตกกังวลและเครียดโดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ทางสังคม ความกลัวและความวิตกกังวลทางสังคมมากเกินไปในเด็กปฐมวัย อาจทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่วิตกกังวลและมีความหวาดกลัวต่อสังคมได้
13. ความสุขจากการได้เล่นตามวัย
ในแวดวงสังคมของพ่อแม่และแวดวงการศึกษา อาจมีมีทัศนคติในการส่งเสริมให้เด็กๆ ได้เปิดรับวิชาการตั้งแต่ยังเล็ก และเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยสร้างเด็กให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ได้ ในขณะที่ความจริงคือ ผู้ใหญ่อาจลืมไปว่าตอนนี้พวกเขายังเป็นเด็ก! เป็นวัยที่มีบางสิ่งที่ควรค่าแก่การทะนุถนอมและปกป้องไว้ให้ค่อยเป็นค่อยไปจะดีที่สุด
ความเครียดและกังวลของพ่อแม่เกี่ยวกับคราบดินโคลนบนเสื้อผ้าของเด็กๆ คุ้มค่าที่จะทำลายความสุขที่พวกเขาจะได้ ปีนต้นไม้ เกลือกกลิ้งไปบนพื้นหญ้า เอาหน้าแนบไปกับพื้นดิน หรือเล่นกับเพื่อนๆ วัยเดียวกันข้างนอกบ้านหรือไม่? ลองถามตัวเองดูว่าเราอยากให้ลูกมีความทรงจำอะไรบ้างในวัยเด็ก? ทำตัวดีไม่ดื้อไม่ซน? ไม่เล่นเลอะเทอะ? นั่งทำงานที่โต๊ะทำงานเงียบๆ? และเครียดจนท้องไส้ปั่นป่วน อย่างนั้นหรือเปล่า?
ดังนั้น จงปล่อยให้ลูกๆ ได้มีโอกาสเล่นซนขุดดิน ปีนต้นไม้แบบตัวเลอะ เทอะๆ บ้างเถอะค่ะ แล้วเราจะได้เห็นว่ามันคุ้มค่ากว่าที่เราคิด! คุณพ่อคุณแม่ที่เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นแบบเลอะเทอะเปรอะเปื้อนตั้งแต่พวกเขายังเล็กๆ คอยสนับสนุนให้ลูกได้เรียนรู้และได้ใช้จินตนาการความอยากรู้อยากเห็นและได้สำรวจสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ แน่นอนว่าจะช่วยเสริมสร้างทักษะด้าน ความฉลาดในการเล่น (PQ)และยังเชื่อมโยงกับทักษะความฉลาดด้านอื่นๆ ได้อีกหลายด้านเลยค่ะ ทั้ง ความฉลาดในการคิดสร้างสรรรค์ (CQ) และ ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : theplayfullearner.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ส่อง 10 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกให้เป็นอัจฉริยะ แบบชาวยิว
เทคนิค “จับ-จด” เปลี่ยนชีวิต สร้างนิสัยรู้จักคิด หยุด! ลูกงอแง ร้องซื้อของเล่น
ลูกเล่นเท้าเปล่า ลูกไม่ยอมใส่รองเท้า พ่อแม่ควรห้ามหรือควรปล่อย?
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่