ลูกล้มหัวฟาดพื้น อย่าชะล่าใจ พฤติกรรมเปลี่ยนไป อาจมีอะไรผิดปกติ!
คุณแม่ทางบ้านเตือนใจ กรณีลูกชายเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มหงายหลังหัวฟาดพื้น โดยเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในขณะที่คุณแม่กำลังอาบน้ำให้ลูก พออาบน้ำเสร็จคุณแม่หันไปหยิบผ้าเช็ดตัวแค่เสี้ยววินาที พอหันกลับมาเห็นว่าลูกกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ คุณแม่จึงบอกว่าอย่าเพิ่งเดินไปเพราะกลัวว่าลูกจะลื่นล้ม แต่ลูกชายกลับคิดว่าคุณแม่เล่นด้วย ทันใดนั้นลูกชายวิ่งแล้วพลาดลื่นล้มหงายหลังหัวฝาดพื้นแรงพอสมควร คุณแม่จึงรีบเข้าไปกอดเอาไว้ น้องจึงได้หยุดร้อง ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้คุณแม่ไม่ได้เอะใจอะไร และคิดว่าลูกแค่ลื่นล้มธรรมดา
ผ่านไป 1 อาทิตย์ ลูกพฤติกรรมเปลี่ยน
พบว่าลูกหัวบวมปูด กดแล้วนิ่ม
อันตรายจากการล้มศีรษะกระแทกพื้นในเด็กเล็ก
อาการบาดเจ็บที่ศีรษะเป็นประสบการณ์ในวัยเด็กที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย แต่วัยที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือเด็กวัยเตาะแตะ หากลูกเรามีสุขภาพแข็งแรงก่อนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ หลังการลื่นล้ม ไม่หมดสติ ไม่มีบาดแผลที่ศีรษะหรือใบหน้าไม่มีพฤติกรรมผิดปกติหลังจากการล้ม อาจเป็นเพียงการกระแทกที่ศีรษะที่ไม่รุนแรง ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งสำคัญที่สุดที่พ่อแม่สามารถทำได้คือเฝ้าสังเกตลูกอย่างระมัดระวัง และหากมีข้อกังวล อย่าลังเลที่จะทำตามสัญชาตญาณและพาลูกไปพบแพทย์
สิ่งที่ต้องระวังหลังจากเด็กเล็กได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
เป็นเรื่องปกติที่เด็กๆ จะร้องไห้หลังจากที่ล้มฟัวฟาดพื้น เพราะทั้งตกใจและเจ็บ แต่การร้องไห้ของเด็กๆ ไม่ควรนานเกิน 10 นาที หากลูกของคุณตื่นตัวและตอบสนองต่อคุณ อาการบาดเจ็บที่ศีรษะมักจะไม่รุนแรง เพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ คุณสามารถใช้วิธีประคบเย็น เป็นเวลา 20 นาที เพื่อช่วยให้อาการบวมลดลง นอกจากนี้สามารถให้ยาอะเซตามิโนเฟนกับลูกได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ของลูกก่อนให้ยาตัวอื่น ที่สำคัญคือต้องเฝ้าดูอาการและพฤติกรรมของลูกทุกๆ สองถึงสามชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นปกติดี
อันตรายจาก ประทัดระเบิด สอนลูกให้ระวังไว้ วัยซนเสี่ยงเจ็บสูง!
หมอรามาแนะ วิธีสร้างทักษะความปลอดภัยให้ลูกจากกรณี เด็กตกตึก
6 อันตรายนอกบ้าน ที่ควรสอนลูกให้ระวัง!
หากลูกของคุณล้มและกระแทกศีรษะ แต่ตื่นตัวและตอบสนองปกติ ให้เฝ้าดูลูกอย่างระมัดระวังประมาณ 36 ถึง 48 ชั่วโมง เพื่อดูว่ามีอาการใดๆ ที่อาจบ่งบอกถึงการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือไม่ โดยความผิดปกติที่ต้องคอยสังเกตเป็นพิเศษ ได้แก่ การร้องไห้ หรือหงุดหงิดผิดปกติ การอาเจียนมากกว่าหนึ่งครั้ง การทรงตัวเมื่อนั่งหรือเดินที่ผิดปกติ หรือมีอาการไม่ตอบสนอง เป็นต้น หากลูกของคุณมีอาการเหล่านี้ หรือมีอาการบวมอย่างมีนัยสำคัญบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บเช่นการบวมที่มีลักษณะกดแล้วนิ่มจุดที่บวม ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที
อาการบาดเจ็บที่ต้องรีบพาลูกไปโรงพยาบาล
แนะนำให้พาเด็กไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้ :
- ซีดผิดปกติที่กินเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง
- บวมปูด บริเวณที่ถูกกระแทก กดแล้วรู้สึกนิ่ม
- การรู้สึกเสียวซ่าที่ด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย
- อาการชาหรืออ่อนแรงของแขนหรือขา
- เสียการทรงตัว เดินสะดุด หรือเดินลำบาก
- อาการชัก
- เวียนหัวซ้ำๆ หรือเวียนหัวไม่หาย
- คลื่นไส้หรืออาเจียนมากกว่าสองหรือสามครั้ง
- หูอื้อถาวร หรือสูญเสียการได้ยิน
- พูดออกเสียงไม่ชัด
- ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน หรือรูม่านตาที่มีขนาดไม่เท่ากัน
- จดจำใบหน้าที่คุ้นเคยไม่ได้
- ปวดหัวอย่างต่อเนื่อง อาการแย่ลง
- ง่วงนอนมากหรือตื่นยาก
- หงุดหงิด สับสน หรือพฤติกรรมผิดปกติอื่นๆ
การป้องกันอุบัติเหตุในห้องน้ำ
อุทาหรณ์พ่อแม่! อย่า ปล่อยลูกให้อยู่ลำพัง เด็ดขาด!
อุทาหรณ์ อุบัติเหตุในเด็กเล็ก พร้อม 6 วิธี ลดเสี่ยงเกิดเหตุ
3ข้อเตือนใจแม่! อุบัติเหตุบนถนน ที่มักเกิดขึ้นกับลูก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่