ความเป็นเด็กอัจฉริยะมิได้หมายถึงคนที่ อ่าน เขียน-เรียนหนังสือ คิดเลขได้เร็วตั้งแต่ 2 ขวบ อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ การที่สมองคิดได้เร็วไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอัจฉริยะ แต่ที่จริงแล้วกลับไม่ใช่ เราอาจจะลืมไปว่าสมองของคนเรานั้นทำหน้าที่หลายอย่าง คือนอกจากจะมีส่วนของสติปัญญาแล้วยังมีส่วนของอารมณ์ด้วย
เพราะฉะนั้นอัจฉริยะที่แท้จริงจะต้องมีพัฒนาการดีรอบด้าน คือ
1.เก่งคิด สติปัญญาดี
2.ควบคุมอารมณ์ได้ดี
3.ต้องรู้จักเข้าสังคม เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของคนอื่น
4.จริยธรรม มีความเป็นมนุษย์สูง สุขภาพจิตดี
ต้องเก่งรอบด้านอย่างนี้ถึงจะเป็นอัจฉริยะ ความเป็นอัจฉริยะเกิดจาก ความเก่งทางสมอง 50 % ซึ่งตรงนี้มาจากมาจากกรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ส่วนอีก 50 % มาจากการอบรมเลี้ยงดู เพราะฉะนั้นเราคงต้องยอมรับว่า เด็กทุกคนเกิดมาไม่เท่ากัน เหมือนฮาร์ทแวร์ของคอมพิวเตอร์ ถ้ามาจากบริษัทที่ดีมันก็มีประสิทธิภาพดีกว่า อันนี้มันจึงมาจากสิ่งที่ติดตัว มา ถ้าพ่อแม่ฉลาดลูกก็มักจะฉลาด
แต่อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญมากไม่แพ้กันก็คือ “การเลี้ยงดูของพ่อแม่” แม้สมองของลูกดีแต่เลี้ยงดูไม่ดีก็แย่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าพ่อแม่ไม่เก่ง ไม่ฉลาดเลิศ แต่ถ้าเลี้ยงลูกส่งเสริมลูกอย่างดี อย่างถูกต้อง ลูกก็มีโอกาสเป็นอัจฉริยะได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงมีส่วนที่จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเป็นอัจฉริยะได้ ซึ่งก็เป็นวิธีง่าย ๆ ในการสร้างลูกให้เก่ง และดี โดยไม่ต้องไปลงเรียนพิเศษคอร์สละหลายสตางค์ก็คือ”ความรัก” จากพ่อแม่นั่นเอง
โดยในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เป็นประเทศที่มีการศึกษาวิจัย ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของเด็กอย่างเต็มที่ประเทศหนึ่งของโลกก็มีการค้นพบว่า การเลี้ยงลูกให้ฉลาดนั้น ประกอบด้วย 3 แนวทางง่าย ๆ เท่านั้น ได้แก่ “การชื่นชม การแสดงความรัก และการยอมรับในสิ่งที่เด็กเป็น”
คุณมายูมิ ชิจิดะ รองประธานสถาบันการศึกษาชิจิดะ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพัฒนาอัจฉริยภาพของเด็กเผยว่า “เทคนิคการเลี้ยงลูกให้ฉลาดที่พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นใช้ก็คือ การให้ความรักกับเด็กในทางที่ถูกต้อง ประกอบด้วย 3 สิ่งได้แก่ การชื่นชม การแสดงความรัก และการยอมรับในตัวเด็ก โดยพ่อแม่สามารถแสดงความรักกับลูกได้ตั้งแต่ลูกยังแบเบาะ เพียงแค่โอบกอดลูกไว้ในอ้อมแขน ให้เขาสัมผัสถึงความอบอุ่น และหากลูกโตขึ้น ก็สามารถทำได้ด้วยการชื่นชม และการยอมรับในความสามารถของเขา”