เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมแม่ABK ได้พาเด็กๆ ไปเที่ยวในรูปแบบแคมป์ปิ้ง ซึ่งเด็กๆ ตื่นเต้นกันมาก อาจด้วยอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับแคมป์ปิ้งนั้นแตกต่างออกไปจากการไปเที่ยวในทุกครั้ง ทั้ง เสื้อผ้าออกแนวเดินป่า สำรวจธรรมชาติ กล้องส่องดูดาว ชุดทำอาหารปิ้งย่าง และแน่นอน การเปลี่ยนสถานที่จากการนอนในห้องโรงแรม เป็นการนอนเต้นท์ จึงทำให้เด็กๆเฝ้ารอคอยการไปเที่ยวในครั้งนี้มากกว่าครั้งไหนๆ
เพราะอะไร ทำไมครอบครัวเราถึงเลือกไปตั้งแคมป์?
เราลองเปลี่ยนบรรยากาศการพาลูกออกนอกบ้านไปเที่ยวเปิดหู เปิดตา เรียนรู้โลกกว้าง ที่ไม่สะดวกสบาย เหมือนทุกทีที่ผ่านมา เพราะว่าเราอยากจะฝึกให้เด็กๆ รู้จักการปรับตัว ได้รู้วิธีการช่วยเหลือตัวเอง และได้รู้ว่ายังมีรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ได้จากการท่องเที่ยวที่ต่างไปจากเดิม และที่สำคัญของการตั้ง “แคมป์ปิ้งสำหรับเด็ก” ในครั้งนี้ นอกเหนือจากความสนุกเด็กๆก็จะได้ฝึกทักษะในเรื่องของ IQ และ EQ ด้วยค่ะ ซึ่งสองทักษะนี้จะเป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตในทุกๆ วันค่ะ
แคมป์ปิ้งสำหรับเด็ก ช่วยฝึกทักษะทั้ง IQ และ EQ ยังไง?
กิจกรรมแคมป์ปิ้งสำหรับเด็กในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ได้ความสนุก เพลินเพลินค่ะ แต่ยังเป็นการส่งเสริมทักษะในเรื่องของ IQ ความฉลาดทางความคิด และ EQ ความฉลาดทางอารมณ์ ให้กับเด็กๆ ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ
การไปแคมป์ปิ้ง เป็นการฝึกการวางแผน และแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เราจะต้องเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างจากบ้านไป เด็กๆ จะได้ช่วยคิด ช่วยวางแผนในการเตรียมสิ่งของ ว่าเมื่อไปถึงสถานที่ที่ใช้ในการตั้งแคมป์ ท่องเที่ยว สำรวจธรรมชาติ ส่องดูดาวตอนกลางคืน เราจำเป็นต้องใช้อะไรบ้าง รวมไปถึงการเลือกพื้นที่ทำเลที่เหมาะสมในการวางแคมป์ ให้เด็กๆ ได้ช่วยกันคิดค่ะ ให้เขามีส่วนร่วมในทุกส่วนของกิจกรรม รวมไปถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆในขณะที่ตั้งแคมป์ ซึ่งเหล่านี้นี่เองที่จะช่วยฝึกทักษะกระบวนการคิดและเอาตัวรอด
แคมป์ปิ้ง คือ กิจกรรมที่ทุกคนในครอบครัวได้อยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้า มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เด็กๆ จะได้ซึมซับเอาบรรยากาศ ความทรงจำที่ดี เป็นการสร้างพลังความรัก ความอบอุ่น ความสนุก เด็กๆ จะได้รับพลังบวกจากครอบครัว ทำให้ผ่อนคลาย ไม่เครียดค่ะ
กิจกรรมแคมป์ปิ้ง ลูกได้ประโยชน์อะไร ?
นอกจากช่วยส่งเสริม IQ กับ EQ ให้ลูกแล้ว ในกิจกรรมแคมป์ปิ้ง ยังให้ประโยชน์อีกหลายเรื่องค่ะ ทีมแม่ABK สรุปออกมาได้ดังนี้ค่ะ
1. ช่วยฝึกให้รู้จักหาข้อมูล
สถานที่ที่จะไปตั้งแคมป์ปิ้งกัน เลือกที่ไหนดี สภาพอากาศเป็นอย่างไร ใช้เวลาเดินทางกี่ชั่วโมง อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวใดบ้าง ฯลฯ ลองฝึกให้ลูกมีส่วนร่วมในการหาข้อมูลค่ะ
2. ฝึกให้รู้จักวางแผน
เช่น มีเวลาแค่ 3 วัน 2 คืน เตรียมเสื้อผ้าไปกี่ชุดดี สามารถทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง ลองให้ลูกช่วยเสนอไอเดียค่ะ กิจกรรมที่ลูกช่วยคิด และได้ทำจริง จะช่วยให้ไม่เบื่อ และสนุกตื่นเต้นกันมากขึ้นค่ะ
3. ฝึกให้รู้จักการเคลื่อนไหวร่างกาย
กางเต้นท์ ก่อกองไฟ เตรียมอาหาร จัดที่นอน ฯลฯ ให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมในการช่วยนะคะ เพราะการที่ได้ขยับเคลื่อนไหวร่างกาย จะเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกายด้วยค่ะ
4. ฝึกให้รู้จักอยู่ร่วมกับผู้อื่น
สถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดให้เข้าไปตั้งแคมป์ปิ้ง พักผ่อน แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่เราครอบครัวเดียวค่ะ แต่ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ตั้งแคมป์อยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะในโอกาสนี้เราสามารถฝึกให้ลูกเข้าสังคมใหม่ๆ กับผู้คนที่อยู่รอบข้าง ให้ลูกได้สร้างมิตรภาพที่ดีกับคนอื่นๆ ด้วยการพูดคุย แบ่งปันอาหาร ขนม น้ำ เป็นต้น
5. ฝึกให้รู้จักการสำรวจสิ่งรอบตัว
บริเวณที่ตั้งแคมป์ปิ้ง มีลำธาร ต้นไม้น้อย ใหญ่ ดอกไม้ ใบไม้หลากสี นกนานาชนิด เสียงสัตว์ต่างๆ ท้องฟ้า ดวงดาว อุณหภูมิ ฯลฯ สิ่งแวดล้อมรอบตัวเหล่านี้ เป็นการสำรวจศึกษาเรียนรู้นอกห้องเรียน ให้กับเด็กๆ ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
ครอบครัวไหนที่อยากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศการพาลูกออกไปท่องเที่ยวสำรวจโลกกว้าง สร้างการเรียนรู้แปลกใหม่นอกห้องเรียนให้กับลูกๆ แนะนำว่าแคมป์ปิ้งสำหรับเด็ก เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับทริปครอบครัวที่ดีมากๆ ค่ะ
สำหรับการแคมป์ปิ้งที่ต้องกางเต้นท์นอนโอบล้อมด้วยธรรมชาติ สิ่งสำคัญที่คุณแม่ต้องป้องกันให้กับลูกๆ และสมาชิกทุกคนในครอบครัวก็คือเรื่องของ “ยุง” ค่ะ ไปเที่ยวสนุก แต่ถูกยุงกัด อาจกลับบ้านมาด้วยการป่วยไข้เลือดออกกันได้นะคะ ดังนั้น ตัวช่วยที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ “ยากันยุง” อย่างที่ทีมแม่ABK มีพกติดกระเป๋าตอนไปแคมป์ปิ้งด้วยก็คือ “MonkeyPony ยากันยุงสำหรับเด็ก” ค่ะ ขอบอกว่าใช้มาได้สักพักแล้ว มีติดบ้านไว้ใช้ตลอดด้วยค่ะ
ที่แม่เลือกยากันยุงสำหรับเด็ก แบรนด์ MonkeyPony ก็เพราะว่าเป็นยาทากันยุงสำหรับเด็กที่ปลอดภัยต่อผิวที่บอบบางของลูก เพราะยากันยุง MonkeyPony ผลิตจากสารสกัดจากธรรมชาติ 100% เข้มข้น ไม่เจือจางด้วยน้ำ ทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันยุงได้ดีมากๆ อ่อนโยนต่อผิวของลูก แล้วยังสามารถทาหลังยุงกัดเพื่อลดอาการคัน และการอักเสบจากยุงได้อีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล BEST MOSQUITO REPELLENT FOR KIDS การันตีสินค้าสำหรับเด็กคุณภาพดีจากงาน Amarin Baby & Kids Award 2020 มาเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยค่ะ
ความพิเศษของ MonkeyPony คือ จะใช้ทาปกป้องผิวไม่ให้ยุงกัด หรือถ้าลูกเกิดโดนยุงกัดแล้วมีตุ่มแดง ก็สามารถทาเพื่อลดรอยบวมจากยุงกัด อาการคัน และช่วยบำรุงผิวไม่ให้ทิ้งรอยดำจากยุงกัดได้ด้วยค่ะ
ตอนนี้เค้าเปลี่ยนแพคเกจใหม่ สะดวกในการพกพา และใช้งานง่ายมากๆ อย่างแบบออยล์ 3 in 1 ที่ทีมแม่ ABK พกติดกระเป๋าตลอดจะมีให้เลือก 2 ขนาด คือ ขนาด 30 ml และขนาด 70 ml นอกจากนี้ยังมีแบบสเปรย์สูตรน้ำเกลือ ที่ใช้ฉีดพ่นกันยุงได้สะดวก และอ่อนโยนด้วยส่วนผสมจากน้ำเกลือเกรดสวนล้าง มีให้เลือกใช้ 2 ขนาดเช่นกัน คือขนาด 60 ml และขนาด 150 ml ค่ะ
คุณแม่สามารถหาซื้อ MonkeyPony ทาง online กันได้ที่ไลน์ @monkeypony หรือหน้าเพจ Facebook: https://www.facebook.com/monkeypony
Shopee : https://shp.ee/qqkem25
Lazada : https://s.lazada.co.th/s.03QV6
JD Central : https://www.jd.co.th/shop/pc/20445.html
และ Robinson Online หรือตามร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กชั้นนำ อาทิ สหภัณฑ์นมผง , NG Store, Brown Bunny, Baby First, Kids Corner, Kiddy Store ฯลฯ และ พบกันเร็วๆ นี้ที่ Robinson แผนกสินค้าเด็กค่ะ
และตอนนี้นะคะแบรนด์ MonkeyPony ก็ยังเปิดรับตัวแทนจำหน่ายสินค้าด้วย ถ้าสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.monkeypony.co.th/ หรือไลน์ @monkeypony ค่ะ
ทีมแม่ABK อยากให้ทุกครอบครัวได้ปกป้องลูกน้อยจากยุงตัวร้าย ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออก ฉะนั้นผู้ช่วยสำคัญอย่างMonkeyPony ยากันยุงสำหรับเด็ก ต้องมีพกติดกระเป๋าเวลาไปแคมป์ปิ้งกับลูกๆ และต้องมีติดบ้านกันไว้ใช้กันยุงนะคะ