สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเพื่อกล่อมลูกนอนหลับแบบฉบับพ่อแม่เชิงบวก
การนอน ของลูกน้อยถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะการนอน ถือเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาส่วนต่างๆของร่างกายลูกน้อยให้สมบูรณ์แข็งแรง ดังนั้นเด็กๆควรได้ นอนหลับ 12-18 ชั่วโมง ต่อวัน แต่บางครั้งการที่จะทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เด็กบางคนไม่ยอมนอนหรือนอนได้ไม่นานก็ร้องตื่น ดังนั้นเราจึงมีวิธีช่วยให้ลูกของคุณนอนหลับได้ง่าย สบาย และนานขึ้นกว่าเดิมดังนี้ค่ะ
1. หลีกเลี่ยงกิจกรรมจอสกรีน ก่อนนอนทุกชนิด
มีงานวิจัยที่ระบุว่า screen time จะรบกวนระบบการนอนของร่างกายของเด็ก เพราะแสงจากหน้าจอเป็นการเลียนแบบแสงจากเวลากลางวันซึ่งจะยับยั้งฮอลโมนเมลาโทนีน (ถูกสร้างโดย ต่อม Pineal gland ในสมอง การหลั่งของเมลาโทนินเกี่ยวข้องกับช่วงเวลากลางวัน-กลางคืน เมื่อถึงเวลากลางคืน ความมืดเข้ามาแทนที่ทำให้แสงสว่างหายไปจากจอรับภาพของดวงตา สัญญาณแห่งความมืดก็จะกระตุ้นให้ต่อมไพเนียลทำหน้าที่สังเคราะห์ “เมลาโทนิน” ออกมา เพื่อเตือนให้ร่างกายต้องการพักผ่อนและให้เกิดการง่วงนอนและนอนหลับสนิท) แสงจากจอสกรีนไม่กี่นาทีก็ส่งผลต่อการหลั่งของเมลาโทนีนช้ากว่าเดิมได้หลายเท่า ดังนั้นการถูกรบกวนด้วยแสงดังกล่าวก็จะส่งผลให้นาฬิกาชีวิตของเด็กเปลี่ยนแปลงไปและส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลระบบฮอลโมนและระบบประสาทของสมองได้ในที่สุด
2. งดดูภาพ สื่อ หรือกิจกรรมที่ทำให้เด็กกลัว
โดยเฉพาะเด็กเล็ก เพราะความกลัวส่งผลต่อการกระตุ้นให้เด็กๆเกิดความรู้สึกที่ตื่นเต้นตื่นกลัว และทำให้รู้สึกหลับได้ยากขึ้น พูดในเชิงวิทยาศาสตร์ก็คือเมื่อร่างกายเกิดความกลัววิตกกังวล อดีนารีนจะถูกหลั่งออกมาซึ่งส่งผลให้เกิดอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น และผลิตออกซิเจนทำให้มีพลังงานในร่างกายที่เพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อตื่นตัว และพร้อมที่จะดิ้นรนต่อสู่ตามสัญชาตญานของแกนสมอง
นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความเครียดคลอติโซลสารพิษในสมองหลั่งอกอมาได้อีกด้วย ดังนั้นกลเม็ด เงามืด ตุ๊กแกกินตับ ผีจะมาหลอก ฟ้าร้องฮึมๆ เสียงปริศนา ที่หลอกให้ลูกกลัวแล้วให้อยู่นิ่งหลับตา อาจจะได้ผลบ้างในบางครั้ง แต่ระวังผลกระทบ ทางทีดีอย่าให้เด็กๆ เกิดความรู้สึกเหล่านี้ก่อนลูกจะหลับฝันดีในคืนนั้นเลย จากฝันดีอาจกลายเป็นฝันร้ายของลูกตลอดไปก็ได้
3. สร้างกิจวัตรก่อนนอน
กิจกรรมที่คล้ายๆกันในทุกๆวันให้เป็นกิจวัตร หากอยากให้เด็กๆนอนเร็วขึ้นก็ให้ขยับเวลาเหล่านี้ให้เร็วขึ้นด้วย และชวนเด็กๆมีส่วนร่วม เช่น เลือกชุดนอน เลือกหนังสือที่จะฟังก่อนนอน หรือกิจกรรมการเล่นเบาๆก่อนนอนที่ลูกอยากเล่น จะช่วยให้เด็กๆเรียนรู้ว่าในการควบคุมกิจกรรมของตนเองและเรียนรู้ที่จะเข้าใจว่าถึงเวลาที่จะนอนแล้ว ซึ่งเป็นวิธีการเชิงบวกที่จะส่งผลต่อการนอนที่มีประสิทธิภาพของเด็กและมีความพันธ์เชิงบวกกับพ่อแม่ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้อย่าลืมอาหารที่รับประทานช่วงเย็นหรือก่อนนอนที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น โคล่า ดาร์กช็อคโกแลต เค้กช็อคโกแลต ที่พ่อแม่อาจจะหลงลืมไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยกล่าวว่า การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายตื่นตัว 2 ชั่วโมงก่อนที่จะมีอาการเพลียง่วงนอน ดังนั้นถ้าจะชวนให้ลูกๆเต้นกันก่อนนอน 2 ชม. ก็น่าจะดี รับรองหลับสบายแน่นอนค่ะ
4. สร้างบรรยากาศที่สงบเงียบก่อนนอน
อ่านหนังสือนิทานก่อนนอน เปิดไฟหรี่ๆ งดการเปิดโทรทัศน์ เสียงในห้องนอนให้สงบเงียบ รวมถึงพ่อแม่เองหากมีเรื่องที่ต้องทำหลังจากลูกนอนแนะนำให้นอนพักพร้อมลูกก่อนแล้วค่อยตื่นขึ้นมาทำ เพราะความกระวนกระวายใจของพ่อแม่เองก็ส่งผลต่อบรรยากาศการนอนของลูกด้วย