account_circle
แรกๆเราคิดกันว่าเป็นกิริยาที่น่ารักดี แต่พอเขาทำบ่อยๆ เข้า เราก็ชักระอาใจ ไม่ทราบว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี
ในวัยเตาะแตะ เด็กผู้ชายหลายคนอาจจะรู้สึกอิจฉาพ่อ เนื่องจากเขารักและหวงแม่มาก (จนเกินพอดี) หนุ่มน้อยบางคนถึงกับเอ่ยปากว่าอยากแต่งงานกับหม่าม้าของเขาเลยก็มี
ความรู้สึกดังกล่าวถือเป็นเรื่องธรรมดาและถ้ามีการรับมือที่เหมาะสม ความรู้สึกเหล่านี้ก็จะคลี่คลายลงไปเอง อีกทั้งในความเป็นจริง เมื่ออายุได้สัก 3 – 4 ขวบเด็กผู้ชายจะเริ่มรักษาระยะห่างระหว่างตนกับแม่ไปเอง พอคุณทำท่าจะเข้าไปกอดหรือหอม เขาก็จะไม่ยอมง่ายๆ อย่างเคย
มาดูกันดีกว่าว่า ในตอนนี้คุณจะรับมือและจัดการกับความรู้สึก “อิจฉาพ่อ” ของหนุ่มน้อยได้อย่างไร
• อย่าแสดงอาการขุ่นเคือง เพราะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้ลูกรู้สึกอิจฉาพ่อมากขึ้นไปอีก
• อย่าเอาใจลูกด้วยการปฏิเสธการแสดงความรักจากสามี เพราะจะทำให้ลูกสับสนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนในบ้าน (ถ้าพ่อไม่ใช่คนที่แม่รัก แล้วเขาเป็นใครกัน)
• ทำให้การแสดงความรักเป็นเรื่องดีๆของคนในครอบครัว ถ้าลูกโผเข้ามาขณะที่คุณกำลังกอดกัน ให้ดึงเขาไปร่วมวงด้วยลูกจะได้ไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง พร้อมกันนี้ให้ย้ำกับเขาเสมอๆ ว่า “แม่รักหนูนะ แล้วก็รักพ่อด้วย แม่รักทั้งสองคนมากๆ เลยรู้ไหมลูก”
• อย่าปล่อยให้ลูกอยู่ในความเพ้อฝันแต่จงอธิบายให้เขาฟังว่า เรื่องแต่งงานเป็นไปไม่ได้ เพราะ “แม่เป็นแม่ของหนู พอโตขึ้น หนูก็จะได้แต่งงานกับผู้หญิงน่ารักๆเองจ้ะ”
• ทั้งคุณและสามีควรให้ความรักและเอาใจใส่ลูกให้มาก ถ้าหนูน้อยระแวงพ่อ ก็ควรให้ทั้งสองคนได้ใช้เวลาด้วยกัน “ตามประสาผู้ชาย” เพื่อจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แล้วเขาก็จะค่อยๆ เรียนรู้ว่า เขาไม่สามารถแทนที่พ่อได้ แต่โตขึ้นเป็นลูกผู้ชายอย่างพ่อได้
เด็ก (ทั้งชายและหญิง) บางคนอาจจะเป็นลูกพ่อมาตั้งแต่เกิด แต่ความรู้สึกของลูกก็คล้ายกับพัฒนาการหลายๆ อย่างคือ เป็นไปตามวัย ตอนนี้รักพ่อ ต่อไปอาจเปลี่ยนไปรักแม่ และพอผ่านไปอีกสักระยะก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะกลับมารักพ่ออีกครั้ง
บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง