คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยกันบ้างไหมคะ ว่าทำไมเด็กญี่ปุ่นถึงสามารถรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทานข้าวเองโดยไม่ต้องป้อน ใส่รองเท้า ใส่เสื้อผ้า หรือการเดินไปโรงเรียนเองตั้งแต่อนุบาล นั่นก็เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อใจ และกล้าที่จะให้ลูกๆ ได้คิด ได้ลงมือทำด้วยตัวเองค่ะ แค่เชื่อมั่นให้ลูกได้ลอง เขาก็พร้อมโตเต็มศักยภาพ
คนญี่ปุ่นจะมีแนวคิดในการเลี้ยงลูกแบบ Yareba Dekiru หรือเรียกสั้นๆ ว่า “YDK” ซึ่งถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ การบอกว่าหนูทำได้
วิธีเลี้ยงลูกแบบ YDK คืออะไร ?
การเลี้ยงลูกแบบญี่ปุ่น Yareba Dekiru (YDK) เป็นปรัชญาการเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่ชาวญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าลูกทำได้ แค่ให้ลองเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยเน้นส่งเสริมให้เด็กรู้จักการเรียนรู้ผ่านการทดลองทำ ซึ่งเป็นการฝึกวินัย ความรับผิดชอบและการช่วยเหลือตัวเองตามศักยภาพในวัยของเขา ให้เขาสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต
ซึ่งถ้าถามว่าแล้วครอบครัวคนไทยล่ะ แนวคิดแบบ YDK คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกให้ลูกได้ช่วยเหลือพึ่งพาตัวเองผ่านกิจวัตรประจำวันได้มั้ย ตอบเลยว่าไม่ยาก แค่ใจแข็งฝึกลูกทุกวัน ยิ่งฝึกเร็ว ยิ่งเป็นผลดีกับตัวของเขาเองในอนาคตค่ะ
การฝึกให้ลูกเล็กๆ มีความมั่นใจ กล้าที่จะทำในเรื่องต่างๆ ได้เองตามวัยของเขา พ่อแม่ต้องคอยชี้แนะ คอยให้กำลังใจ และดูลูกอยู่ข้างๆ หากลูกจะเดินแล้วสะดุดล้มบ้างก็ไม่เป็นไร ล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ได้ หรือหากลูกใส่ถุงเท้า รองเท้าเอง จะใช้เวลานานหน่อยก็ไม่เป็นไร เมื่อเขาทำบ่อยๆ ก็จะคล่องและเร็วขึ้น ฉะนั้นการสร้างความมั่นใจให้ลูกเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ
“YDK” ฝึกลูกให้เรียนรู้ ลองทำอะไรด้วยตัวเอง ได้อย่างไร ?
การสร้างวินัย และความรับผิดชอบ ให้ติดตัวลูกน้อยไปจนโต หากทำได้ถือเป็นเรื่องที่ดีค่ะ เด็กคนนึงจะเติบโตมามีความพร้อม ความเก่งรอบด้านได้ ต้องเริ่มจากการฝึกฝน ที่คุณพ่อคุณแม่ส่งเสริมให้ลูกๆ ได้ลอง ได้ลงมือทำไปตามพัฒนาการช่วงวัยค่ะ ฉะนั้นเรามาฝึกลูกผ่านกิจวัตรประจำวัน ที่ลูกควรทำได้เองตามแต่ละช่วงวัยไปพร้อมๆ กันค่ะ
1. มือน้อยๆ ของหนู ตักข้าวกินเองได้แล้ว
พ่อแม่ญี่ปุ่นจะฝึกให้ลูกใช้มือจับช้อน จับตะเกียบ ตักอาหารเข้าปากทานเองไปพร้อมกับพ่อแม่บนโต๊ะอาหาร เริ่มกันตั้งแต่ 1-3 ขวบขึ้นไปค่ะ ช่วงแรกๆ ที่กล้ามเนื้อมัดเล็กยังใช้งานได้ไม่ถนัด อาหารอาจหกเลอะเทอะบ้าง ก็ไม่เป็นไรค่ะ ปล่อยให้ลูกได้ลอง ไม่ดุไม่ว่า แค่คอยอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้ลูก
ข้อดี : นอกจากกล้ามมัดเล็ก(มือ) จะค่อยๆ แข็งแรงขึ้นแล้ว ก็ยังเป็นการฝึกให้ลูกได้รู้จักรับผิดชอบตัวเองบนโต๊ะอาหาร ซึ่งความรับผิดชอบนี้ยังจะถูกนำไปต่อยอดกับกิจกรรมอื่นๆ ของลูกได้ด้วย
2. ร่างกายหนู ดูแลเองได้
เด็กวัย 4-5 ขึ้นไป สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเองแล้วค่ะ คุณแม่อาจเริ่มจากกิจวัตรประจำวันของลูก เช่น การแปรงฟัน 2 ครั้งต่อวัน(เช้า-ก่อนนอน) , การอาบน้ำ , การเปลี่ยนใส่เสื้อผ้า เป็นต้น กระตุ้น และฝึกลูกให้เขาได้ลองทำเอง ในช่วงแรกๆ คุณแม่อาจต้องเช็กความเรียบร้อยอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าลูกทำได้อย่างถูกต้องค่ะ
ข้อดี : การฝึกให้ลูกค่อยๆ เรียนรู้รับผิดชอบเรื่องส่วนตัว เมื่อโตขึ้นก็จะสามารถดูแลตัวเองได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องค่ะ
3. ฝึกให้ตรงต่อเวลา
การตรงต่อเวลา ต้องยกให้คนญี่ปุ่นค่ะ เด็กญี่ปุ่นจะถูกฝึกให้เคารพเรื่องของเวลากันมาตั้งแต่เล็กๆ ค่ะ เพราะทุกอย่างมีกำหนดเวลาอย่างชัดเจน เช่น รถโรงเรียนมาตรงเวลา , รถประจำทางมาตรงเวลา , ทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนเมื่อหมดเวลา จะต้องนำเอาถาดอาหารไปเก็บให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง หรือเมื่อถึงเวลาเข้านอน ตื่นนอนก็ต้องตามเวลา เป็นต้น
ฉะนั้นเรื่องของการเป็นคนตรงต่อเวลา หรือทำอะไรควรอยู่ในกรอบเวลาที่กำหนด เป็นเรื่องที่ครอบครัวไทยสามารถนำมาปรับใช้ฝึกกับลูกๆ ที่บ้านได้ค่ะ แนะนำว่าให้ดูตามความเหมาะสมว่าบางเรื่องจะไม่เป็นการกดดันลูกมากไปก็พอค่ะ
ข้อดี : ฝึกวินัยเรื่องของเวลา เมื่อให้ลูกทำเป็นประจำ ก็จะค่อยๆ ปรับตัวได้ และรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปเองอย่างอัตโนมัติ การเป็นคนตรงต่อเวลายังเป็นผลดีเมื่อลูกโตขึ้นและเข้าสู่โลกของการทำงานค่ะ
หากลูกน้อยจะเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีวินัย มีระเบียบ มีความรับผิดชอบ และช่วยเหลือดูแลจัดการตัวเองได้ ก็อยู่ที่วิธีเลี้ยงดู และฝึกฝนของคุณพ่อคุณแม่เป็นสำคัญค่ะ
ซึ่งหลักการสอนลูกใช้ชีวิตในรูปแบบ Yareba Dekiru “YDK” ของพ่อแม่ชาวญี่ปุ่น ที่สร้างวินัย และความรับผิดชอบได้ด้วยตัวของลูกเอง ก็เป็นหลักการสอนลูกที่สร้างสรรค์ และ Kodomo ผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจลึกซึ้งทุกพัฒนาการเด็ก ก็สนับสนุนให้คุณพ่อคุณแม่ ครอบครัวไทย นำไปปรับใช้ในการเลี้ยงดูลูกน้อยที่บ้านกันค่ะ
แค่เชื่อมั่นให้ลูกได้ลอง เขาก็พร้อมโตเต็มศักยภาพ #YDKเชื่อสิหนูทำได้ #KodomoReadyChild