คุณพ่อ คุณแม่สมัยใหม่หลายคนคงหนักใจไม่น้อยที่เห็นลูกๆ ติดจอ ทั้งมือถือ และแท็บเลต คุณพ่อคุณแม่หลายครอบครัวคงตั้งใจเอาไว้ก่อนที่จะมีเจ้าตัวน้อย ว่าถ้ามีลูกจะไม่ยอมให้ลูกเล่น Smart Phone และ Tablet เป็นอันขาด ยิ่งเวลาที่เห็นพ่อแม่คนอื่นๆ ให้ลูกเล่นก็มักจะคิดในใจว่า “ไม่รู้หรือไงว่ามันไม่ดี”
เมื่อพบเจอกับตัวเองจึงได้รู้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ค่อยๆ ซึมซับไปกับลูกทีละเล็ก ทีละน้อย เริ่มจากการที่คุณพ่อ คุณแม่เปิดเพลงสอนภาษาอังกฤษให้ลูกฟัง เพื่อให้ลูกอยู่นิ่งๆ จะได้เลี้ยงง่ายๆ คุณพ่อคุณแม่ก็จะเห็นดีเห็นงามไปกับอุปกรณ์เหล่านี้ไปด้วย คิดว่าคงไม่แย่เพราะลูกได้เรียนรู้ จดจำคำศัพท์ได้หลายคำ หลังจากนั้นเวลาในการใช้ก็เริ่มนานขึ้น นานขึ้น จาก 5-10 นาที กลายเป็นชั่วโมง และเริ่มบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นดูก่อนนอนทุกคืน
หลังจากนั้นก็เริ่มสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกอย่างจริงจัง ลูกเริ่มดูไม่จบคลิป ดูสักพักก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ยอมให้เปลี่ยนก็จะเริ่มโวยวาย เป็นสัญญาณของโรคสมาธิสั้น เมื่อเห็นมือถือหรือแท็บเลตที่ไหน ก็จะรบเร้าขอดูตลอด เป็นสัญญาณว่าเริ่มติดอุปกรณ์เหล่านี้แล้ว และยังมีนิสัยใจร้อนเพิ่มเข้ามาอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่หลายคนจึงเริ่มกังวลใจ และหาวิธีแก้ไขแบบเร่งด่วน ดังนี้
วันที่ 1
วันแรกเริ่มจากการเก็บอุปกรณ์มือถือ และแท็บเลต ออกไปให้พ้นหูพ้นตาลูกๆ ปิดเครื่องได้จะยิ่งดี คุณพ่อ คุณแม่ก็ต้องไม่ใช้ด้วย ทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ ถ้าลูกร้องอยากขอดูมือถือ แท็บเลต ก็ชักจูงให้ลูกไปทำอย่างอื่น เช่น เล่นน้ำ ให้อาหารปลา เล่นกับสุนัข เก็บก้อนหิน รดน้ำต้นไม้ ดูนก อ่านนิทาน เป็นต้น คุณพ่อ คุณแม่ต้องอดทน เพราะลูกจะขอเล่นมือถือบ่อยๆ บางครั้งอาจจะทุกๆ 15 นาที คุณพ่อ คุณแม่อาจจะต้องทำตัวเป็นมือถือแทน เช่น ลูกติดเพลงที่ฟังทุกคืนในมือถือ คุณพ่อ คุณแม่ก็ต้องร้องเพลงนี้แทนการใช้มือถือจริงๆ ใจความสำคัญหลักคือ ความอดทน ใจเย็นๆ อย่าหงุดหงิด อย่าดุลูก พยายามทำให้ลูกสนุก
อ่านต่อ “วิธีแก้ปัญหาลูกติดมือถือวันที่ 2-7” คลิกหน้า 2