Q: ช่วงนี้เข้าฤดูฝนแล้ว ลูกก็เปิดเทอมแล้วด้วย ควรป้องกันหรือรับมือกับโรคต่างๆ อย่างไรดี ทั้งโรคที่มากับฝนและน้ำท่วม
1. โรคหวัด
โรคที่พบบ่อยในฤดูฝนอันดับหนึ่งเลยคือโรคหวัด มีทั้งไข้หวัดเล็กและไข้หวัดใหญ่ สาเหตุคือ ลูกติดเชื้อซึ่งแพร่กระจายอยู่ในสิ่งแวดล้อม หรือสัมผัสโรคจากผู้อื่น ทางตรงคือ การไอจามรดกัน หรือสัมผัสมือ ตา จมูก ปาก หรือน้ำลายของผู้ติดเชื้อ ส่วนทางอ้อมคือ จับของเล่นหรือของใช้ที่มีเชื้ออยู่ แล้วเอามือเข้าปากโดยไม่ล้างมือก่อน
การป้องกันการติดเชื้อหวัดทำได้ง่ายๆ โดย
- หมั่นล้างมือบ่อยๆ คุณหมอทั้งหลายที่ไม่ติดเชื้อหวัดจากคนไข้ เพราะพอตรวจโรคเสร็จแล้วต้องล้างมือทุกครั้งค่ะ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด และอากาศไม่ถ่ายเท
- หากจำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เป็นโรค ควรใส่ผ้าปิดปากและจมูกเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าร่างกาย (คล้ายกับตอนที่กลัวไข้หวัดซาร์สทุกคนใส่ผ้าปิดไว้ ช่วยลดการเป็นหวัดสายพันธุ์อื่นไปด้วยในตัว)
- ให้ลูกนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- ดื่มน้ำอุ่นมากๆ
- ให้ลูกรับประทานผักและผลไม้เยอะๆ จะได้เพิ่มวิตามินซี ช่วยไม่ให้เป็นหวัดง่าย
- ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และเชื้อหวัดบางสายพันธุ์ (Strep. Pneumo) ซึ่งการได้รับวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงได้ไม่มากก็น้อย
2. ไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออกก็มักระบาดในช่วงฤดูฝนเช่นกัน เพราะมีฝนที่ตกลงมาขังตามแหล่งต่างๆ เช่น โอ่ง อ่าง กระถางแตก และยางรถยนต์ ทำให้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย การป้องกันทำได้โดย
- การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
- ระวังอย่าให้ถูกยุงกัด เช่น ใช้มุ้งครอบ ใส่เสื้อผ้าปกปิด และใช้โลชั่นทากันยุง เป็นต้น
3. โรคฉี่หนู
โรคที่มากับน้ำท่วม ถ้าเดินลุยน้ำที่มีเชื้อไข้ฉี่หนูหรือเล็ปโตสไปโรซิส เชื้อโรคจะเข้าไปตามบาดแผลที่สัมผัสกับน้ำ ทำให้มีอาการไข้สูง ปวดหลัง ปวดน่อง ตัวเหลือง และไตวาย ป้องกันได้ด้วยการไม่เดินย่ำน้ำหรือใส่รองเท้าบู๊ตยางกันน้ำ
4. โรคน้ำกัดเท้าหรือเชื้อราที่เท้า
เกิดจากเท้าเปียกชื้นตลอดเวลา ป้องกันได้ด้วยการไม่เดินย่ำน้ำหรือใส่รองเท้าบู๊ตยางกันน้ำ
นอกจากนี้ในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง อาจมีการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่มากับอุจจาระ และมีการปนเปื้อนในแหล่งน้ำดื่ม ทำให้เกิดโรคท้องร่วง ตับอักเสบเอ หรือไทฟอยด์ ซึ่งป้องกันได้โดยการรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่ต้มสุกเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำแข็งที่ไม่ได้ทำจากน้ำต้มหรือน้ำที่ผ่านการทำลายเชื้อแล้ว
บทความโดย: แพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด