เมื่อหนังสือบ้าน 100 ชั้น พาเด็กๆ สำรวจและผจญภัย พบเพื่อนใหม่บนฟ้า สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ได้รู้จักแมงมุม ค้างคาวและสัตว์ตัวอื่นๆ แล้ว ตามด้วยหนังสือบ้านใต้ดิน 100 ชั้นที่พาไปตะลุยและผจญภัยสู่ใต้ดิน ไปพบว่าลึกลงไปใต้ดินมีสัตว์ชนิดไหนอาศัยอยู่บ้างนะ และสนุกกับภาพสีสันสดใสของบ้านใต้ทะเล 100 ชั้น ออกตามหาสิ่งของที่หายไป เรียนรู้การแบ่งปันและแลกเปลี่ยน กับบรรดาเพื่อนใต้ทะเล ไม่ว่าจะเป็นคุณโลมา คุณปลาหมึกยักษ์ ฯลฯ
จากบ้าน 100 ชั้น บ้านใต้ดิน 100 ชั้น และบ้านใต้ทะเล 100 ชั้น ที่ชวนให้เด็กๆ สนุกกับการสังเกตในบ้านแต่ละชั้น ได้เรียนรู้สัตว์ เรียนรู้การปฏิบัติตนต่อผู้อื่น เรียนรู้การแลกเปลี่ยนแบ่งปัน เรียนรู้ที่จะวางแผนและมุ่งเป้าหมายกันมาแล้ว การผญจภัยครั้งใหม่ที่จะทำให้เด็กๆ สนุกกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็กลับมาอีกครั้ง …
คราวนี้เป็นการผจญภัยขึ้นไปบนบ้านลอยฟ้า 100 ชั้น!
เรื่องราวของเล่มนี้เกิดขึ้นท่ามกลางฤดูหนาว นกติ๊ดตัวจ้อยชื่อ จิ๊บคุง ออกหาอาหารจนเจอเมล็ดทานตะวัน แต่เมล็ดทานตะวันเล็กนิดเดียว กินไม่อิ่ม จิ๊บคุงอยากกินเยอะๆ เขาจึงจะปลูกเมล็ดทานตะวันเมล็ดนั้น แต่จะปลูกที่ไหนดีนะ มองไปตรงไหนก็มีแต่หิมะขาวโพลนเต็มไปหมด
ในระหว่างที่กำลังมองหาที่ปลูก จิ๊บคงก็ได้รับคำแนะนำจากเกล็ดหิมะว่า ลองบินขึ้นไปบน “เมฆ” ดูสิ
แล้วการผจญภัยสู่บ้านลอยฟ้า 100 ชั้นของจิ๊บคุงก็เริ่มต้นขึ้น!
ครอบครัวแรกที่จิ๊บคุงได้พบคือ ครอบครัวของคุณก้อนมฆ คุณก้อนเมฆบอกให้คุณจิ๊บคุงเดินทางต่อพร้อมกับให้กระถางสำหรับปลูกเมล็ดทานตะวัน จิ๊บคุงขอบคุณก่อนออกเดินทางต่อ ผ่านหมู่เมฆไปสู่บ้านที่ผู้อาศัยในแต่ละชั้นจะเปลี่ยนไปทุกๆ 10 ชั้น สนุกและเต็มไปด้วยรายละเอียดไม่ต่างจากบ้าน 100 ชั้นเล่มอื่นๆ
มาดูกันดีกว่า บ้านลอยฟ้า 100 ชั้นเล่มนี้ จะพาเด็กๆ สนุกไปกับเรื่องไหนบ้าง
1.สนุกกับการนับเลข
1-100 คือจำนวนตัวเลขที่เด็กๆ จะได้นับและเรียนรู้จากบ้านลอยฟ้า 100 ชั้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของนิทานภาพเล่มนี้ จิ๊บคุงเริ่มเดินทางตั้งแต่ชั้นที่ 1 ไปจนถึงชั้นที่ 100 ระหว่างทางได้เจอเพื่อนๆ แล้ว
ยังได้นับตัวเลข นับบ้านแต่ละชั้นด้วยนะ
2.สนุกกับการเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว
สำหรับบ้านลอยฟ้า 100 ชั้น จะทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว คราวนี้เป็นก้อนเมฆ สายรุ้ง สายฝน สายฟ้า พายุ แสงออโรร่า ชั้นบรรยากาศ ฯลฯ เรียกได้ว่า ได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานแบบง่ายๆ
และสนุกไปพร้อมๆ กับการเดินทางของจิ๊บคุง
3.สนุกกับการปลูกเมล็ดทานตะวัน ได้เรียนรู้การปลูกต้นไม้แบบง่ายๆ
จิ๊บคุงอยากปลูกเมล็ดทานตะวัน ระหว่างทางเขาได้รับทั้งกระถางต้นไม้ มีเพื่อนๆ ช่วยรดน้ำ ให้อากาศ ให้อาหาร (ปุ๋ย) กับเมล็ดทานตะวันเล็กๆ นั้น จนกระทั่งถึงชั้นที่ 100 จึงได้พบกับคุณดวงอาทิตย์ ต้นทานตะวันจึงได้รับแสงแดดอบอุ่นด้วย นี่คืออีกสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนิทานเรื่องนี้ นั่นคือ ให้เด็กๆ ได้รู้วิธีปลูกต้นไม้อย่างง่ายๆ มีเมล็ด เตรียมกระถาง รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ให้อากาศและแสงแดด ต้นไม้ก็จะค่อยๆ เติบโตขึ้น นอกจากนั้นยังบอกเล่าการเติบโตของต้นไม้แบบง่ายๆ อีกด้วยนั่นคือ จากเมล็ด งอกออกมา ใบอ่อนเติบโต ต้นเริ่มใหญ่ขึ้น ออกดอก ออกผล และมีเมล็ด หากอ่านนิทานเล่มนี้จบแล้วคุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูกๆ ไปปลูกต้นไม้เหมือนที่จิ๊บคุงปลูกก็ได้นะคะ
4.สนุกกับการสังเกต
รายละเอียดในแต่ละชั้นของบ้านลอยฟ้า 100 ชั้น เป็นอีกจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ บ้านที่เปลี่ยนไปทุกๆ 10 ชั้น คือบ้านของใครบ้างนะ ลองมองดูสิว่าในบ้านนั้นๆ เพื่อนๆ กำลังทำอะไรอยู่นะ เพื่อนๆ บางคนกำลังนอนหลับ บางคนกำลังรดน้ำต้นไม้ บางคนกำลังร้องเพลง เมื่อสังเกตดูดีๆ เพื่อนๆ แต่ละชั้นทำกิจกรรมที่แตกต่างกันไป
ชวนให้มองนานๆ และมองดูดีๆ
5.ได้เสริมทักษะ EF
จิ๊บคุงอยากปลูกเมล็ดทานตะวันให้ออกดอก จึงวางแผนหาที่ปลูกเมล็ดนั้น เมื่อขึ้นไปบนบ้านลอยฟ้า 100 ชั้น จิ๊บคุงก็ไม่ละความพยายาม ขึ้นไปสูงตั้ง 100 ชั้น ก็ไม่ยอมแพ้จนบินลงมาเสียก่อน แม้ว่าจะต้องผ่านทั้งบ้านของคุณสายลมที่ลมแรงมาก บ้านคุณสายฟ้าที่มีไฟฟ้าแรงสูง หรือบ้านของคุณหิมะที่ทำให้หนาวสั่น แต่จิ๊บคุงก็เดินทางต่อไปจนถึงจุดหมาย จิ๊บคุงแสดงให้เห็นถึงทักษะ EF ทั้ง การวางแผนและการจัดระบบการดำเนินการ การใส่ใจจดจ่อ
การริเริ่มลงมือทำ รวมถึงการมุ่งเป้าหมายอีกด้วย
นิทานภาพหนึ่งเล่ม มีความสนุกและน่าสนใจเป็นสิ่งที่ดึงดูดเด็กๆ เอาไว้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน นอกจากความสนุกแล้วยังมีเรื่องที่ช่วยเสริมพัฒนาการ รวมถึงสอดแทรกความรู้เล็กๆ น้อยๆ เอาไว้ด้วย หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้เด็กๆ ได้เรียนรู้คำและสนุกกับการสังเกต รวมถึงตื่นเต้นกับการเดินทาง หนังสือเช็ตบ้าน 100 ชั้น ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจและแนะนำให้ลองอ่านให้ลูกๆ ฟังนะคะ
หนังสือบ้านลอยฟ้า 100 ชั้น
เรื่องและภาพ อิวาอิ โทชิโอะ
แปล เมธินี นุชนาคา
สนใจสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ amarinbooks