เลี้ยงลูกวินัยเชิงลบ ส่งผลต่อพัฒนาการสมอง
ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร นักวิจัยสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล[1] เปิดเผยถึง งานวิจัย “101S เทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวก&พัฒนาการสมอง จิตใจ และพฤติกรรม” ว่า เป็นการศึกษาวิจัยช่วงปี 2012-2016 มีข้อค้นพบว่าในการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยในประเทศไทย ที่พบว่าภายใน 20 นาที เด็กจะได้ยินถึงการสร้างวินัย เชิงลบอย่างน้อย 7 ครั้ง มากที่สุด 47 ครั้ง วินัยเชิงลบที่เด็กได้รับแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ
1.การใช้คำสั่ง ห้าม ไม่ อย่า หยุด หรือการประชด ล้อเลียน
2.การทำโทษทางจิตใจ มากที่สุดคือ การเปรียบเทียบ รวมถึงการข่มขู่ การบอกจะเอาตำรวจมาจับ การบอกไม่ให้พ่อหรือแม่มารับ เหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีสำหรับเด็ก
3.การลงโทษทางกาย แม้เป็นการตีเบาๆ การหยิก ก็ส่งผลไปถึงจิตใจด้วย[1]
ซึ่งจากการที่พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยวินัยเชิงลบ อาจารย์ได้อธิบายต่อว่า จะเกิดผลกระทบต่อสมองส่วนหน้า ที่เป็นสมองส่วนควบคุมอารมณ์ หรือ EQ ของเด็ก และควบคุมกระบวนการคิดวิเคราะห์ การที่พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยการใช้วินัยเชิงลบกับลูกมากๆ จะทำให้เด็กเกิดความหวาดกลัว รู้สึกไม่ปลอดภัย รู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่รักของพ่อแม่ กลายเป็นเด็กที่เก็บกด ซึ่งการที่เด็กต้องตกอยู่ในสภาพนี้ตลอดเวลามาตั้งแต่เล็กๆ แน่นอนว่ามีผลต่อสมองโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Must Read >> 13 คาถาการเลี้ยงลูกที่ดี ที่พ่อแม่ควรรู้!
เมื่อเด็กเติบโตขึ้นแทนที่จะยับยั้งชั่งใจเป็น กลับกลายเป็นว่าทนไม่ได้กับสิ่งยั่วยุไม่ดีต่างๆ เช่น การใช้ความรุนแรงกับคนอื่น การเข้าไปยุ่งกับยาเสพติด การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร หรือการที่พาตัวเองไปยุ่งกับพฤติกรรมเสี่ยงอันตรายต่างๆ
พ่อแม่เห็นหรือไม่คะว่า ผลเสียกระทบร้ายแรงจากการเลี้ยงลูกที่ใช้ความรุนแรง ทั้งคำพูด การกระทำ การลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี มีแต่ส่งผลเสียต่อตัวลูกได้โดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย แล้วแบบนี้พ่อแม่ยังอยากให้ลูกต้องตกอยู่ภายใต้พฤติกรรมพ่อแม่ที่มีแต่วินัยเชิงลบให้ลูกตลอดเวลาอยู่อีกเปล่า? ถ้าอยากให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพรอบด้าน พ่อแม่ต้องหยุดเลี้ยงลูกแบบวินัยเชิงลบกันตั้งแต่ตอนนี้ แล้วเปลี่ยนมาเลี้ยงลูกแบบวินัยเชิงบวกกันนะคะ
อ่านต่อ >> ความแตกต่างของ วินัยเชิงลบ กับ วินัยเชิงบวก หน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่