พ่อแม่หลายคนอาจหลงทางว่า ก่อนพาลูกเข้าโรงเรียนจะต้องเสริมให้ลูกเก่งวิชาการ ความจริงพัฒนาการตามวัยขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะการเรียนปฐมวัย อนุบาล หรือเนสเซอรี่ไม่ใช่ “การเรียน” แต่เป็นการ “ส่งเสริมพัฒนาการและเตรียมความพร้อม” ก่อนเข้าสู่ระบบการเรียนในช่วงประถมศึกษา
3.ร่างกายแข็งแรง –สื่อสารเป็น ลูกถึงพร้อมไปโรงเรียน
เด็กเล็กที่พร้อมกับการไปโรงเรียนครั้งแรกควรมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงดี ผ่านการฝึกฝนให้รับประทานอาหารหลากหลาย ทั้งเนื้อสัตว์ ผักผลไม้ สามารถช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้นได้ เช่น กินข้าว ดื่มน้ำเองได้ สื่อสารความต้องการของตัวเองได้ ปวดเข้าห้องน้ำ ไม่สบาย ชอบหรือไม่อะไรสามารถให้ครูรู้ได้
ที่สำคัญพ่อแม่ควรฝึกให้ลูกเลิกขวดนม และผ้าอ้อมสำเร็จรูปก่อนไปโรงเรียน แต่ถ้าลูกมีพัฒนาการร่างกายที่ด้อยกว่า ยังต้องการการดูแลเป็นพิเศษ หรือสังเกตแล้วว่ามีพัฒนาการล่าช้าด้านใดด้านหนึ่ง ก็ไม่จำเป็นต้องเร่งให้ลูกเข้าโรงเรียนเร็วเกินไป เพราะอาจส่งผลเสียในระยะยาว
เมื่อสำรวจลูกตัวเองแล้ว ถึงเวลาที่พ่อแม่จะหันกลับมา เลือกโรงเรียนให้ลูก ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 วิธีสังเกตย่อยๆ ดังนี้
4.เสริมพัฒนาการผ่านเล่น ไม่ใช่นั่งโต๊ะเรียน
หากลูกต้องไปเนสเซอรี่หรือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อดูแลเด็กวัยก่อน 3 ขวบ กรณีที่ต้องให้ลูกไปโรงเรียนเร็ว พ่อแม่ไม่ควรคาดหวังว่าลูกจะไปเรียนวิชาการ เพราะเด็กวัยนี้ยังต้องการความรักสูง เมื่อเขาต้องไปเจอกับโลกใบใหม่และพรากจากอกแม่ โรงเรียนนั้นจะต้องสามารถจัดการเรื่องโภชนาการเด็ก และสุขลักษณะที่ดี
ควบคู่กับการส่งเสริมพัฒนาการผ่านการเล่น เช่น มีกิจกรรมกลางแจ้งให้เด็กๆได้ยืน เดิน วิ่ง ปีนป่ายเพื่อฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่ มีกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่นปั้นดินน้ำมัน เล่นทราย ต่อบล็อกเพื่อฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก ฝึกทักษะประสาทสัมผัส เช่น เดินบนเส้นวงกลม เล่นกระต่ายขาเดียว เป็นต้น ซึ่งต้องมีทั้งในวัยเนสเซอรี่และอนุบาล แต่มีระดับความยากง่ายแตกต่างกัน
5.ไม่เน้นสอบแข่งขัน วัดผลผ่าน-ตก
“โรงเรียนอาจผสมผสานกิจกรรมเข้ากับทักษะภาษา ซึ่งควรเน้นภาษาไทย (ภาษาแม่)ก่อน หรือจะเรียนสองภาษาก็ได้ เว้นแต่ว่า ถ้าลูกมีแนวโน้มเรียนรู้ทักษะภาษาช้า พูดช้า ไม่ควรเรียนสองภาษาพร้อมๆกัน
เมื่อถึงชั้นอนุบาลจะเริ่มเกิดความคาดหวังเล็กๆ มีเป้าหมายกระตุ้นให้เด็กทำ โรงเรียนอนุบาลก็มีหลายแนวทั้ง มอนเตสเซอรี่ วอลดอร์ฟ วิถีพุทธ สิ่งนี้พ่อแม่สามารถเลือกที่เหมาะได้ ขอเพียงใช้วิธีเรียนผ่านเล่น ไม่ใช่ท่องจำ”
สิ่งที่โรงเรียนอนุบาลไม่ควรมี คือการสอบในระบบแพ้คัดออก มีการจัดอันดับ สอบผ่านหรือตก แม้แต่วัดเปอร์เซ็นต์ นำเด็กไปสู่การเรียนรู้แบบท่องจำ เน้นคัด เน้นเขียน บวกเลขหลายๆหลัก ก่อนเข้าอนุบาล1 ต้องทำข้อสอบ หรือต้องสอบเลื่อนชั้น ซึ่งทำลายพัฒนาการรอบด้านของเด็กอย่างสิ้นเชิง
ถึงเราจะพูดกันว่า เด็กเรียนรู้ไว จดจำเก่ง แต่การท่องจำเพียงอย่างเดียว ทำให้เด็กๆขาดประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากการลงมือทำจริง การสอบสร้างเงื่อนไขที่เด็กไม่เข้าใจ สร้างความเครียด กดดันที่ไม่สมวัย
6.โรงเรียนมีระบบคุ้มครองความปลอดภัย
ลองสังเกตสภาพแวดล้อมของเนสเซอรี่และโรงเรียนที่พ่อแม่ตั้งเป้าไว้ว่า มีการจัดการเรื่องความปลอดภัยดีหรือไม่ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุง่ายหรือไม่ เพราะเด็กเล็กมักเล่นซนและยังไม่รู้ว่าสิ่งไหนอันตราย สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนต้องปลอดภัย มีระบบการรับส่งระหว่างผู้ปกครองกับโรงเรียน เพื่อทำให้เด็กปลอดภัย ถ้าเด็กต้องนั่งรถรับส่ง ต้องตรวจเช็กด้วยว่าปลอดภัยดีหรือไม่
7.จัดอาหารการกินถูกหลักโภชนาการเด็ก
อาหาการกินของลูกเป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่มีผลต่อ การเลือกโรงเรียนให้ลูก เพราะเมื่อลูกต้องกินอาหารของโรงเรียนแทนฝีมือแม่ อาหารหลักควรมีครบทั้ง 5 หมู่ มีขนมของว่างที่เหมาะกับเด็ก ถ้ามีร้านค้าที่ขายขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม หรือเอานมรสอื่นๆนอกจากนมจืดให้เด็กกิน แบบนี้อาจไม่ใช่โรงเรียนที่ดีนัก อย่างไรเสียอาหารการกินยังสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเด็ก
อ่านต่อ 5 หลักมองโรงเรียนแบบไหนเหมาะกับลูก หน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่