8. ควรฟังสิ่งที่คุณครูบอกบ้าง
นอกจากสิ่งที่คุณฝากฝังให้ดูแลแล้ว คุณครูก็มีเรื่องที่อยากให้คุณพ่อ คุณแม่ช่วยดูแล ตอนอยู่บ้านด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากด้านวิชาการแล้ว ด้านอื่น ๆ ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งพฤติกรรม การแสดงออก และอาหารการกิน
9. อย่าดูพฤติกรรมที่บ้านของเด็กเพียงอย่างเดียว
ควรดูพฤติกรรมตอนอยู่ที่โรงเรียนของเด็กด้วย เด็ก ๆ เขาก็ต้องมีสังคม ต้องการเพื่อน ๆ เช่นกัน ดังนั้นพฤติกรรมบางอย่างอาจแสดงออกมาเฉพาะตอนอยู่ที่โรงเรียน เพราะเขาอาจจะทำเพื่อเอาใจเพื่อน ๆ หรือต้องการเข้ากลุ่มก็ได้ เพื่อป้องกันพฤติกรรมเสี่ยง หรือพฤติกรรมที่เป็นอันตราย ก็ควรฟังครู และช่วยกันดูแลเด็กด้วย
10. ครูมีประสบการณ์เกี่ยวกับเด็กมากกว่าพ่อแม่
ประสบการณ์การใช้ชีวิตร่วมกับเด็ก ๆ ของครู ย่อมต้องมีมากกว่าคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว ฉะนั้นครูจึงรู้ดีว่าจะใช้วิธีการใดเพื่อเข้าหาเด็ก และจัดการเด็กได้ดีที่สุด ฉะนั้นพ่อแม่ควรให้ความเคารพในการกระทำของครูด้วย ถ้ามีเรื่องข้องใจ สงสัย ก็ถามครูตรง ๆ ไปเลย
ดังนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกๆ ของเราเป็นเด็กที่มีอีคิวดี ไอคิวเลิศแล้วละก็ คุณพ่อคุณแม่ต้องบอกเรื่องราวข้อมูลของลูกเพื่อให้ทางโรงเรียนได้รับรู้ และรับมือกับการอบรมสั่งสอนลูกของเราอย่างถูกต้องเหมาะสม ในทางกลับกันคุณพ่อคุณแม่เองก็ควรเปิดใจรับฟังในสิ่งที่คุณครูพยายามจะด้วยนะคะ
เพราะสถาบันหลักในการอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูเด็ก ก็หนีไม่พ้น “ครอบครัว” เพียงแค่เสียสละเวลามาดูแลลูกของคุณสักนิดก็ยังดี ก่อนที่ปัญหาเรื่องเล็ก ๆ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ
ด้วยความปรารถนาดีจาก Amarin Baby & Kids ^^
ขอบคุณข้อมูลจาก : baby.kapook.com , mothercorner.com