2. ตามใจลูกและปล่อยให้ลูกตวาดหรือตีพ่อแม่ เมื่อไม่ได้ดั่งใจ
หลายคนอาจเคยได้ยินเสียงบ่นจากพ่อแม่คนอื่นๆ ว่า เด็กสมัยนี้เอาแต่ใจกันเสียจริงๆ ซึ่งพฤติกรรมการเอาแต่ใจของเด็กๆ ก็มาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสมัยนี้มีลูกกันน้อย ลูกจึงเปรียบเสมือนหัวแก้หัวแหวนของพ่อแม่ จึงเอาอกเอาใจกันเต็มที่ การตามใจลูกจึงเป็นเหตุให้ลูกมีความก้าวร้าวรุนแรง ไม่รับฟังเหตุผล และติดพฤติกรรมอาละวาด โวยวาย ทำร้ายคนอื่น พ่อแม่ที่ตามใจลูกมักยอมให้ลูกทุบตีอาละวาด
หยุดพฤติกรรมของลูก
พ่อแม่ไม่ควรละเลยที่จะปรับพฤติกรรมเหล่านี้เสียตั่งแต่ยังเล็ก เมื่อลูกจะตีเราให้จับมือลูกให้มั่น มองตาลูกและพูดอย่างหนักแน่นว่าลูกไม่มีสิทธิ์ตีใครทั้งนั้น ถ้าลูกมีท่าทีสงบฟังและทำตามก็ปล่อยมือลูก หากปล่อยมือแล้วยังจะตีอีกก็จับมืออีก ทำอย่างนี้บ่อย ๆ ลูกก็จะเรียนรู้ว่าพ่อแม่ไม่ยอมให้ลูกทำร้ายใครอีกต่อไป และอย่าลืมเมื่อลูกหยุดตีแล้วให้ชมลูกว่า “ดีแล้วนะลูก ต่อไปนี้ลูกไม่ตีใครแล้วนะ” จากนั้นค่อยให้เหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้พ่อแม่จึงตามใจลูกไม่ได้
3. เลี้ยงลูกให้เกิดความเครียดและกดดัน
สำหรับเด็กที่ต้องเผชิญกับการเลี้ยงดูที่สร้างความเครียด ความกดดันอยู่เสมอ จะสะสมอารมณ์ขุ่นมัวไว้ในใจ ทำให้ขี้โมโหหงุดหงิดง่าย เมื่อมีสิ่งที่ไม่พอใจมากระทบแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เด็กทำร้ายเพื่ออย่างรุนแรงเกินกว่าเหตุ
สาเหตุที่สร้างความเครียดและความกดดันให้กับเด็กนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการเลี้ยงดูที่พ่อแม่ให้ความสำคัญกับการแข่งขันและเข้มงวดจนเกิน ทั้งในเรื่องการเรียนและการกีฬา ลูกจะแพ้ใครไม่ได้ ความคาดหวังของพ่อแม่กลับกลายเป็นสร้างความกดดันให้กับลูก พ่อแม่เหล่านี้มักเผลอเอาลูกไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือพี่น้องที่เรียนเก่งอยู่เป็นประจำ ไม่ก็ดุว่าหรือพูดประชดประชันเมื่อเห็นลูกทำคะแนนไม่ได้ดั่งใจ
แทนที่จะให้กำลังใจหรือหาแนวทางแก้ปัญหาให้กับลูก สิ่งที่พ่อแม่กดดันลูกนั้นนอกจากจะทำให้ลูกรู้สึกเครียดและหงุดหงิดแล้ว ยังสร้างนิสัย ”แพ้ไม่เป็น” ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นความก้าวร้าวในใจลูก ทำให้โตขึ้นเป็นคนที่หาความสุขไม่ได้