คุณพ่อคุณแม่อาจจะมีความเชื่อเดิมๆ เรื่องการพัฒนาสมองลูกว่าต้องเป็นเด็กหัวโต หรือมีรอยหยักในสมองมากถึงจะเป็นเด็กฉลาด แต่ด้วยความรู้ใหม่จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองพบว่าจริงๆแล้วนั้น การติดต่อเชื่อมโยงของสมองแต่ละส่วนที่รวดเร็วหรือ Brain Connection ต่างหาก คือสิ่งที่จะช่วยพัฒนาสติปัญญาให้ลูกน้อยฉลาดและมีการเรียนรู้ที่ดีเพื่อประสบความสำเร็จในอนาคต แต่ว่า Brain Connection มันคืออะไรกันนะ…เราจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปไขความลับกันค่ะ
เจาะลึกการเชื่อมโยงสมองแต่ละส่วน (Brain Connection) กลไกสำคัญของสมองลูกน้อยสู่ความฉลาด
ผศ.นพ.วรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์ กุมารแพทย์ โรคระบบประสาท อาจารย์ประจำศูนย์วิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ความรู้ใหม่ถึงเคล็ดลับการทำงานของสมอง เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยส่งเสริมลูกน้อยได้ถูกต้อง โดยอธิบายว่า การที่ลูกน้อยเติบโตเป็นเด็กที่ฉลาด มีสติปัญญาหรือการเรียนรู้ที่ดี ไม่ใช่การมีสมองที่โตเร็ว มีสมองขนาดใหญ่ หรือมีรอยหยักในสมองมากเพียงอย่างเดียว แต่กลไกสำคัญที่สุด เพื่อให้สมองทำงานได้ดี คือการที่สมองแต่ละส่วนสามารถติดต่อสื่อสารพูดคุยเชื่อมโยงกัน หรือมี Brain Connection กันได้ดีและรวดเร็วต่างหาก ซึ่งหากสมองลูกน้อยสามารถส่งสัญญาณในวงจรประสาทได้รวดเร็ว มากเท่าไร ลูกน้อยก็จะยิ่งใช้สติปัญญาได้มีประสิทธิภาพ ฉลาดคิด เรียนรู้ได้ดี และมีพัฒนาการที่ดีในทุกด้านได้นั่นเอง…แล้วสมองลูกน้อยจะเชื่อมโยงสื่อสารได้ดีต้องทำอย่างไรค่ะ คุณพ่อคุณแม่อาจจะเริ่มสงสัยกันแล้ว
“สฟิงโกไมอีลิน” หนึ่งในสารอาหารสำคัญช่วยสมองให้เชื่อมโยงได้ไว
และตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ Brain Connection ของลูกจะวิ่งฉิวคือต้องมีไมอีลิน (Myelin) ค่ะ เจ้าไมอีลินนี้จะช่วยส่งกระแสสัญญาณผ่านเส้นใยประสาทให้เร็วได้แบบก้าวกระโดด โดยไมอีลินสามารถสร้างได้มากตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์จนถึงช่วง 2 ปีแรกของชีวิต ดังนั้นเราจึงไม่แปลกใจว่าทำไมลูกน้อยวัย 1-2 ปีจึงมีพัฒนาการที่รวดเร็ว เดินวิ่งได้เก่ง ชอบสำรวจ จดจำ และช่างซักถาม เพราะเจ้าไมอีลินที่มีมากในสมองจะช่วยทำให้สื่อสารได้รวดเร็ว และหนึ่งในสารอาหารสำคัญในการสร้างไมอีลินคืออาหารกลุ่มไขมัน โดยเฉพาะไขมันชนิด สฟิงโกไมอีลิน (Sphingomyelin) นั่นเอง
สฟิงโกไมอีลินพบมากในนมแม่ ดีแน่ต่อสมองลูก
คุณพ่อคุณแม่คงอยากทราบแล้วว่าลูกน้อยจะได้รับสฟิงโกไมอีลินได้อย่างไร สฟิงโกไมอีลินนั้น พบมากในนมแม่ ลูกน้อยควรได้รับน้ำนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดและต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน เนื่องจากในน้ำนมแม่เป็นแหล่งของไขมันชั้นดีที่เสริมสร้างสมอง และมีสฟิงโกไมอีลินในปริมาณมาก นอกจากนี้สฟิงโกไมอีลินยังมีมากในอาหารต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์นม ครีม ชีส โดยมีรายงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าลูกน้อยที่ได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 3 เดือน จะมีปริมาณไมอีลินในสมองเพิ่มขึ้น และมีความสัมพันธ์กับผลการประเมินการเรียนรู้ที่ดีขึ้นอีกด้วย
ชวนทึ่ง กับภาพสแกนสมองเห็นการเชื่อมโยงกันได้จริง!
หลังจากได้รู้กันแล้วว่าลูกน้อยของเราจะมีสติปัญญาดี อยู่ที่ Brain Connection คราวนี้จึงชวนคุณแม่มาดูกันว่าสมองทำงานเชื่อมโยงติดต่อกันอย่างไร ด้วยเทคโนโลยี Functional MRI ที่เห็นได้ชัดเจนจริงค่ะ ดร.นพ.วิทยา สังขรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชารังสีวิทยาและศูนย์รังสีวินิจฉัยก้าวหน้า (AIMC) ได้เผยภาพการตรวจสมองขั้นสูงด้วยเครื่องสร้างภาพสนามแม่เหล็ก ที่ก้าวหน้ามากถึงขั้นเห็นการทำงานของสมองที่มีการเชื่อมโยงติดต่อสื่อสารได้จริง โดยภาพสแกนสมองที่ล้ำหน้าถึง 4-5 มิติ บอกให้รู้ว่าแม้คนที่นอนอยู่เฉยๆ ดูมือคนอื่นฉีกกระดาษ สมองยังมีภาพการทำงานสื่อสารร่วมกัน หลายส่วนมาก และสมองส่วนกล้ามเนื้อต่างๆ ก็ยังทำงานไปด้วย หรือแม้แค่เพียงการกระดิกนิ้วซ้ายนิ้วเดียว แต่สมองก็เชื่อมโยงกันหลายส่วน ไม่ใช่ใช้แค่สมองส่วนใดส่วนหนึ่งอย่างที่เข้าใจกันมาตลอด นอกจากนี้ความทันสมัยของการทำ MRI ยังสามารถวัด ค่าความสมบูรณ์ของใยสมอง (Brain Fiber Integrity) สร้างรูปความน่าจะเป็นของโยงใยเครือข่ายสมอง แม้แต่ไมอีลินที่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นใยประสาทในสมองก็ยังวัดปริมาตรได้อีกด้วย
เมื่อคุณพ่อคุณแม่ได้ทั้งความรู้และความลับอันน่าทึ่ง ในการพัฒนาสมองลูกให้เชื่อมโยงสื่อสาร เพื่อความเก่งฉลาดของลูกกันแล้ว อย่าลืมเลือกโภชนาการที่เสริมสร้างไมอีลินให้ลูก พร้อมกับหมั่นส่งเสริมพัฒนาการในทุกด้าน เท่านี้ก็เชื่อว่าลูกน้อยจะมีสมองที่พร้อมเรียนรู้ ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงแห่งโลกอนาคต และประสบความสำเร็จแน่นอนค่ะ
#สฟิงโกไมอีลิน