การต้อนรับประเทศไทยสู่อาเซียน ด้วยการสอนลูกให้พูด ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ให้เป็นเด็ก 2 ภาษา เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ เพราะในปัจจุบันมีการสื่อสาร และติดต่อกับประเทศต่างๆ เมื่อไม่นานมานี้มีบทความในนิตยสาร New York Times ระบุงานวิจัยพบว่าเด็ก 2 ภาษาฉลาดกว่า
ในงานวิจัยระบุว่า สมองที่รับรู้ 2 ภาษา ช่วยให้เด็กมีทักษะหลายด้าน ได้แก่ การวางแผน การแก้ปัญหา การมีสมาธิจดจ่อ และเพิ่มความเชี่ยวชาญด้านสังคม ถ้าเทียบกับเด็กที่พูดภาษาเดียว เพราะเด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้หลายภาษา จะมีประสบการณ์ชีวิตประจำวันที่หลากหลายกับผู้คนที่แตกต่าง เด็กจะคิดว่าพูดภาษาไหนกับใครได้บ้าง และใครจะเข้าใจแบบไหน รวมไปถึงสถานที่ไหน เวลาไหน ควรใช้ภาษาอะไร ทำให้สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมได้ดีมากขึ้น
การที่ลูกน้อยพูด 2 ภาษาจะทำให้มีผลต่อสมอง ในการพัฒนาระบบความจำ ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมได้ในเวลาเดียวกัน ลูกน้อยจะมีความสามารถในการพูด ความจำ รวมทั้งด้านวิชาการ และการพัฒนาสติปัญญา เพราะจะบังคับให้สมองแก้ไขปัญหาภายในขึ้น ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อสมองในส่วนของความทรงจำ
เด็ก 2 ภาษามีความเข้าใจที่ลึก ในการแก้ไขปัญหาที่รบกวนจิตใจ มากกว่าเด็กภาษาเดียว นักจิตวิทยาเอแลน และไมเคิล มาติน ในปี 2004 ทำวิจัยเด็กอนุบาล 2 ภาษา และภาษาเดียว แล้วพบว่าเด็ก 2 ภาษาสามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วกว่าเด็กภาษาเดียว
เคล็ดลับที่ทำให้เด็ก 2 ภาษาแตกต่างจากเด็กภาษาเดียว คือ เด็ก 2 ภาษาต้องสลับการใช้ภาษาบ่อยๆ เช่น พูดกับคุณพ่อเป็นภาษาหนึ่ง และพูดกับคุณแม่อีกภาษาหนึ่ง ทำให้สมองได้รับการพัฒนา ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่สามารถฝึกลูกน้อยได้ตั้งแต่ยังเป็นทารก และรวมไปถึงคนที่เรียน 2 ภาษาตอนโตด้วย
คุณพ่อ คุณแม่ หรือลูกๆ ที่โตแล้วสามารถเรียนภาษาที่ 2 ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะสามารถใช้สมองสั่งการให้ทำอะไรหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน งานวิจัยของมหาวิทยาลัยซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกามีการยืนยันด้วยว่า การทำงานของระบบประสาทในเรื่องของความจำ คนที่พูด 2 ภาษา เป็นโรคความจำเสื่อมน้อยกว่าคนที่พูดภาษาเดียว
คุณพ่อ คุณแม่ลองฝึกให้ลูกน้อยพูด หรือสื่อสารให้มากกว่า 1 ภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาต่างประเทศ หรือภาษาท้องถิ่น ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อลูกน้อย และคุณพ่อ คุณแม่เองด้วย