แพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง กล่าวว่า จากผลวิเคราะห์เด็กที่เข้ารับบริการพบว่า เด็กที่มีปัญหาพฤติกรรมเช่น โรคดื้อ เข้ารับการรักษาเพียงร้อยละ 2 ของผู้ป่วยนอกทั้งหมดที่มีเฉลี่ยวันละ30-40 คน สำหรับพฤติกรรมดื้อตามวัยนั้น พบได้ในเด็กปกติช่วงอายุ 2-3 ปี เมื่ออายุมากขึ้นอาการดื้อจะหายไป แต่ในโรคดื้อนี้จะมีการแสดงออกรุนแรงมากขึ้นอารมณ์ไม่ดีต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือนขึ้นไป ลักษณะอาการเด่น ๆ ของเด็กที่เป็นโรคมี 8 อาการดังนี้
1. แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวตลอดเวลา
2. เถียงหรือชวนผู้ใหญ่ทะเลาะ
3. ท้าทายและฝ่าฝืนคำสั่งและกฎเกณฑ์บ่อย ๆ
4. ตั้งใจทำให้คนอื่นรำคาญ
5. โทษหรือโยนความผิดให้คนอื่นบ่อย ๆ
6. หงุดหงิดและอารมณ์เสียง่าย
7. โกรธและไม่พอใจบ่อย ๆ
8. เจ้าคิดเจ้าแค้นอาฆาตพยาบาท
หากคุณพ่อคุณแม่พบว่า ลูกมีอาการดังที่กล่าวมา อย่าเพิกเฉยค่ะ แนะนำให้พาลูกไปพบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการบำบัดพฤติกรรม โดยใช้วิธีดังต่อไปนี้ การทำจิตบำบัด ฝึกให้เด็กควบคุมตัวเอง ฝึกให้มีการแสดงออกที่เหมาะสมกับผู้ใหญ่ ควบคู่กับการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ครอบครัวหรือที่เรียกว่าครอบครัวบำบัด เพื่อลดความขัดแย้ง เพิ่มการสื่อสารที่เหมาะสมในครอบครัว ฝึกพ่อแม่ให้ปรับพฤติกรรมเด็กอย่างเหมาะสมถูกต้อง รวมทั้งร่วมมือกับครูที่โรงเรียน ในการดูแลและช่วยปรับลดพฤติกรรมที่ไม่ดีระหว่างที่เด็กอยู่ในโรงเรียนด้วย
นอกจากนี้ยังพบว่า เมื่อไม่นานมานี้ นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้พูดถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ได้มีผลสำรวจของกรมสุขภาพจิตในกลุ่มเด็กที่มีอายุระหว่าง 13 – 17 ปี พบว่า เด็กป่วยเป็นโรคดื้อต่อต้านร้อยละ 2 หรือประมาณ 80,000 คนทั่วประเทศ ทั้งนี้ แพทย์หญิงกุสุมาวดี ยังได้กล่าวอีกว่า “การลงโทษที่ไม่ควรใช้กับเด็กที่มีพฤติกรรมดื้อต่อต้าน คือการลงโทษด้วยการทุบตีอย่างรุนแรงหรือด่าว่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย รุนแรง เนื่องจากเป็นการเพิ่มความก้าวร้าวให้เด็ก ทำให้เด็กมีพฤติกรรมต่อต้านเพิ่มมากขึ้น และหากเด็กเหล่านี้ไม่ได้รับการรักษา เมื่อโตขึ้นเด็กจะมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงมากขึ้น ก้าวร้าว เกเร เสี่ยงต่อการเสพและติดสารเสพติดได้ง่าย ”
ขอบคุณที่มา: Spring News และ Taamkru
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
- พ่อแม่ควรอ่าน! หากไม่อยากให้ ลูกเป็นโรคสมาธิสั้น
- หมอเตือน! ลูกซน อย่านิ่งนอนใจ โรคสมาธิสั้น อาจถามหา!
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่