นิทานสอนใจ สอนทักษะชีวิตให้ลูกผ่านตัวหนังสือ - Page 2 of 2 - Amarin Baby & Kids
นิทานสอนใจ นิทาน

นิทานสอนใจ สอนทักษะชีวิตให้ลูกผ่านตัวหนังสือ

Alternative Textaccount_circle
event
นิทานสอนใจ นิทาน
นิทานสอนใจ นิทาน

นิทานสั้น นิทานสอนใจ อ่านให้ลูกฟังก่อนนอน

นกอินทรีย์ หรือลูกไก่

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีแม่นกอินทรีตัวหนึ่งบังเอิญออก ลูกมาเป็นแฝด แม่อินทรีก็เฝ้าฟูมฟักลูกทั้งสองบนหน้าผา แต่มาวันหนึ่งพายุได้พัดมาที่รังของนกอินทรีพัดเอาแฝดผู้น้องตกลงไปยังพื้นเบื้องล่าง เดชะบุญที่ตรงนั้นมีแม่ไก่กับลูกฝูงหนึ่งอาศัยอยู่   แม่ไก่ได้ฟูมฟักลูกนกอินทรีประดุจดั่งเป็นลูกของตัวเองจนเติบใหญ่ สอนเดินแบบไก่ หากินแบบไก่และก็ร้องแบบไก่ จนอินทรีแฝดผู้น้องเข้าใจว่าตนเองนั้นคือไก่จริง ๆ มาวันหนึ่งแม่นกอินทรีหัดให้แฝดผู้พี่บิน แฝดน้องที่อยู่ด้านล่างเห็นแฝดพี่บินก็วิ่งไปถามแม่ไก่ว่า

“แม่ๆดูนกบนนั้นบินสิครับ สง่างามจังเลย ผมอยากทำได้แบบนั้นจัง” แม่ไก่ได้ยินดังนั้นจึงตอบนกอินทรีผู้น้องไปว่า “ลูกเอ๋ยเป็นไปไม่ได้หรอก ข้างบนนั้นคือพญานก เป็นนกอินทรีผู้สง่างาม แต่เราเป็นไก่เราทำแบบเขาไม่ได้หรอกลูก” ลูกนกอินทรีผู้น้องก็รับคำ และอยู่กับแม่ไก่สืบต่อไป

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :  วันนี้เราอาจเป็นลูกนกอินทรีที่อาศัยอยู่กับฝูงไก่ก็ได้ เมื่อเราทำอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่อาจมีเสียงทักจากบุคคลรอบข้างว่า “เป็นไปไม่ได้  ทำไม่ได้” แต่ถ้าเรายังไม่ตัดสินใจลงมือทำ และแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ จะรู้อย่างไรว่าเราไม่ใช่พญานกอินทรี ????

มาอ่านนิทานกันเถอะ
มาอ่านนิทานกันเถอะ

นายพลกับเด็ก

ครั้งหนึ่งมีนายพลต้องการที่จะข้ามแม่น้ำ เขาไม่แน่ใจว่าแม่น้ำนั้นลึกขนาดไหน และไม่แน่ใจว่าม้าของเขาจะข้ามจะสามารถข้ามแม่น้ำนี้ไปได้ เขาก็เลยมองไปรอบ ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ และพบเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งอยู่แถวนั้น ก็เลยถามความเห็นจากเด็กคนนั้น เด็กชายมองไปยังขนาดของม้าของนายพล และก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วบอกกับนายพลอย่างเชื่อมั่นว่า นายพลและม้าของเขาสามารถข้ามแม่น้ำไปได้อย่างปลอดภัย นายพลจึงเดินหน้าต่อไปเพื่อข้ามแม่น้ำบนหลังม้าของเขา เมื่อนายพลไปถึงกลางแม่น้ำ เขาก็พบว่าแม่น้ำนั้นลึกมาก และเขากำลังจะจมน้ำ ด้วยความตื่นตะหนกเขาก็ตะโกนไปยังเด็กชายคนนั้นว่าเด็กจะต้องถูกลงโทษ

เด็กผู้ชายตกใจและตอบกลับมาด้วยความไร้เดียงสาว่า “แหม ท่านนายพล ผมเคยเห็นเป็ดมันสามารถข้ามแม่น้ำได้ทุกวันไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย เป็ดมีขาสั้นกว่าม้าอีกแต่ทำไมถึงข้ามไปได้ละครับ”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : หลักการของความสำเร็จ ถ้าคุณต้องการคำแนะนำ ก็ขอให้ขอคำแนะนำจากผู้รู้ แต่ขอให้แน่ใจว่าความคิดเห็นนั้นเป็นความคิดเห็นของผู้ที่รู้จริงในเรื่องนั้นๆ มิเช่นนั้น ท่านอาจจะเสียโอกาสได้

พญาหงส์ติดบ่วง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหงส์ฝูงหนึ่ง อาศัยอยู่ในถ้ำใหญ่ มีพญาหงส์เป็นผู้นำ อยู่มาวันหนึ่ง นกหงส์ 2 – 3 ตัวในฝูงบินไปหากินที่สระบัวหลวงที่อยู่ห่างไกลออกไป โดยเป็นสระบัวที่กว้างใหญ่สวยงาม และเป็นที่อาศัยหากินของนกเป็นจำนวนมาก เมื่อพบเแหล่งอาหารขนาดใหญ่ ก็ทำให้นกหงส์รู้สึกพอใจ จึงกลับมาเล่าให้พญาหงส์ฟังว่า พวกเขาอยากกลับไปหากินที่สระนั้นอีก พญาหงส์ห้ามว่า สระนั้นเป็นถิ่นมนุษย์มีอันตรายมากสำหรับนก ไม่ควรไป แต่บริวารก็อ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่า พญาหงส์จึงอนุโลม และบอกว่าจะตามไปด้วย คราวนั้นจึงมีหงส์บริวารตามไปเป็นจำนวนมาก

พอพญาหงส์ร่อนลงเท่านั้น พญาหงส์ก็ติดบ่วง บ่วงของพรานรัดเท้าไว้แน่น พญาหงส์ดึงเท้าอย่างแรงด้วยคิดว่าจะทำให้บ่วงขาด ปรากฏว่าครั้งแรกหนังถลอก ครั้งที่สองเนื้อขาด พอถึงครั้งที่สาม เอ็นขาด ถึงครั้งที่สี่ บ่วงกินลึกลงไปถึงกระดูก เลือดไหลมาก เจ็บปวดแสนสาหัส พญาหงส์คิดว่า ถ้าหากตนร้องขึ้นว่าติดบ่วง บริวารซึ่งกำลังกินอาหารเพลินอยู่ก็จะตกใจกินอาหารไม่ทันอิ่ม เมื่อบินกลับก็จะไม่มีกำลังพอ จะตกทะเลตาย จึงเฉยอยู่ รอให้บริวารกินอาหารจนอิ่ม ตนเองยอมทนทุกข์ทรมานด้วยบ่วงนั้น เมื่อเวลาล่วงไปพอสมควร เหล่าหงส์อิ่มแล้วกำลังเล่นเพลินกันอยู่ พญาหงส์ก็ร้องขึ้นด้วยเสียงดังว่า “ติดบ่วง” พอได้ยินดังนั้น หงส์บริวารทั้งหลายก็ตกใจ บินหนีกลับไป

แต่มีหงส์อยู่หนึ่งตัว ทีแรกก็บินไปกับฝูงเหมือนกับตัวอื่น แต่เมื่อบินไปสักครู่หนึ่งก็เกิดเฉลียวใจคิดถึงพญาหงส์ที่ติดบ่วงอยู่ จึงรีบบินกลับมาที่สระบัว เมื่อเห็นพญาหงส์ติดบ่วงอยู่ก็ปลอบใจว่า อย่ากลัวเลย ตนเองจะสละชีวิตแทน แต่พญาหงส์กล่าวว่า “ท่านจงรีบไปเสีย ก่อนที่นายพรานจะมา”

เมื่อนกทั้งสองกำลังเจรจากัน อยู่อย่างนี้ นายพรานก็มาถึง และเกิดความสงสัยว่า นกตัวหนึ่งติดบ่วงอยู่ แต่อีกตัวหนึ่งมิได้ติดบ่วง ทำไมจึงยืนอยู่ใกล้ ๆ มิได้บินหนีไป จึงไต่ถาม หงส์จึงตอบให้ทราบว่า เพราะพญาหงส์เป็นนายของตน จึงมิอาจละทิ้งท่านไปได้ และเจ้าหงส์ยังได้กล่าวด้วยคำอ่อนหวานหว่านล้อมให้พรานเห็นใจ ขอให้ปล่อยเขาทั้งสองไปพบญาติและบริวาร ด้านนายพรานนั้นนิยมสรรเสริญในน้ำใจอันภักดีและเสียสละของหงส์ แต่เพื่อทดลองใจจึงกล่าวว่า “ท่านเองก็มิได้ติดบ่วง และเราก็มิปรารถนาจะฆ่าท่าน ท่านจงรีบไปเสียเถิด ”

ด้านหงส์ตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ประสงค์จะมีชีวิตอยู่ โดยไม่มีพญาหงส์ ถ้าท่านพอใจเพียงชีวิตเดียวก็ขอให้ปล่อยพญาหงส์เถิด ส่วนตัวข้าพเจ้าเองนั้นท่านจะปล่อยหรือจะกินเสียก็ได้ แล้วปล่อยพญาหงส์ไป” พรานมีใจอ่อนจึงกล่าวว่า ” ขอให้ใคร ๆ ทราบเถิดว่า พญาหงส์พ้นจากบ่วงความตายได้ก็เพราะท่าน มิตรอย่างท่านหาได้ยากในโลก หรืออาจไม่มีในโลก ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงเห็นใจท่าน เคารพในน้ำใจท่าน ขอท่านทั้งสองจึงบินไปเถิด ไปเป็นสุขในหมู่ญาติและบริวาร”

เมื่อพญาหงส์และสุมุข ได้ทราบว่า นายพรานทำการดักบ่วงเพื่อหาทรัพย์มาเลี้ยงชีพ ก็ต้องการจะตอบแทนน้ำใจของนายพราน จึงขอร้องให้นายพรานพาไปเฝ้าพระราชา และเล่าเรื่องราวให้พระราชาฟัง พระราชาทรงทราบเรื่อง ทั้งหมดแล้วก็ทรงเลื่อมใสในนกและพรานที่ประพฤติธรรมต่อกัน จึงทรงพระราชทานทรัพย์เป็นอันมากแก่นายพรานเพียงพอต่อการเลี้ยงชีพไปตลอดชีวิต

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : การคบเพื่อนที่ดี เป็นวิถีทางแห่งความสุขความเจริญของชีวิต ซึ่งมิตรที่ดีตามหลักในศาสนาพุทธคือ เป็นมิตรที่มีอุปการะ ร่วมทุกข์ร่วมสุข แนะนำประโยชน์ และมีความรักใคร่

ค้ที่มา : https://www.tumsrivichai.com
เล่านิทาน สร้างสัมพันธ์ครอบครัว
เล่านิทาน สร้างสัมพันธ์ครอบครัว

ค้างคาวเลือกพวก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีค้างคาวตัวหนึ่งมันถือว่าตนมีปีกเหมือนนก เเละก็มีหูเหมือนสัตว์อื่นทั่วๆ ไป ดังนั้นเมื่อนกยกพวกไปต่อสู่กับสัตว์อื่นๆ ค้างคาวก็ขอตัวไม่เข้าข้างฝ่ายใดโดยทำตัวเป็นกลาง เเต่พอเมื่อพวกนกนั้นมีท่าทีว่าจะชนะค้างคาวก็จะประกาศตัว แล้วไปเข้าข้างกับฝ่ายนกทันที ต่อมาพวกนกกำลังพลาดท่าเสียทีเเก่สัตว์อื่นๆ ค้างคาวก็ผละจากฝ่ายนกไปเข้าพวกกับสัตว์อื่น ๆ และหากพวกนกต่อสู้จนใกล้จะได้รับชัยชนะ ค้างคาวก็กลับมาอยู่กับพวกนกอีก

เมื่อนกกับสัตว์อื่นๆ ทำสัญญาสงบศึก เเละเป็นมิตรต่อกัน สัตว์ทั้งหลายต่างก็พากันขับไล่ค้างคาว ไม่ยอมให้เข้าพวกด้วย ค้างคาวอับอายจึงต้องไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ และจะออกจากถ้ำไปหาอาหาร ได้แต่ในตอนกลางคืนเท่านั้น

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ผู้ที่ขาดความจริงใจ…ไม่มีใครอยากคบหาด้วย

หญิงรีดนมวัวผู้เพ้อฝัน

แพทตี้ หญิงรีดนมวัว เธอทูนถังนมวัวไว้บนศีรษะ และกำลังจะนำมันไปตลาด ขณะที่เธอเดินไป เธอก็เริ่มคำนวณว่าจะทำอะไรกับเงินที่ได้จากนมถังนี้ “ฉันจะซื้อเป็ด-ไก่จากชาวไร่ที่ชื่อบราวน์” เธอกล่าว “และไก่พวกนั้นจะออกไข่ทุกเช้า ฉันจะขายไข่พวกนั้นให้กับเหล่าแม่บ้าน”“เงินที่ได้จาการขายไข่ฉันจะซื้อชุดผ้าฝ้ายสักชุดกับหมวกสักใบ และเมื่อฉันไปถึงตลาด พวกหนุ่ม ๆ ทั้งหลายก็จะเข้ามาพูดคุยกับฉัน
พอลลี่ ชอว์จะต้องอิจฉาฉัน แต่ฉันจะไม่สนใจ ฉันจะมองหล่อนแล้วเชิดอย่างนี้  ขณะที่เธอกำลังพูดเธอก็สะบัดหัวของเธอตาม ทำให้ถังนมบนหัวของเธอตกลงมา และทำให้นมทั้งหมดหก เธอเดินร้องไห้กลับบ้าน แล้วเล่าสิ่งที่ได้เกิดขึ้นให้แม่ของเธอฟัง แม่เธอปลอบและพูดว่า “โอ้! ลูกรัก อย่านับจำนวนไก่ของลูก…ก่อนที่มันจะถูกฟักเป็นตัว”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : การสร้างวิมานในอากาศ (แต่ไม่ลงมือทำ) …ไม่มีทางเป็นจริงได้
ที่มา : https://nitanstory.com

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

รวม 70 นิทานสำหรับเด็ก 4-7 ปี กระตุ้นจินตนาการ พัฒนาสมองลูกน้อย

รวม นิทานคุณธรรม สนุก สอนใจ ได้แง่คิด

เรื่องสั้น ตำนานไทย เรื่องเล่าแต่โบราณ

สัญญาณบ่งบอก Toxic Parent!! เมื่อ พ่อแม่ รังแกฉัน

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up