คุณพ่อคุณแม่ที่แวะเวียนไปที่ เพจ ‘พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง’อาจจะเคยเห็นภาพปูนปั้นนั่งทำ การบ้านอนุบาล หน้าตาจริงจั๊งจริงจัง คงตั้งข้อสงสัยอยู่บ้างว่า ‘บังคับลูกทำการบ้านหรือเปล่า’ หรือ ‘ไหนว่าไม่เร่งเรียน’
การบ้านอนุบาล เรื่องปวดหัวทั้งตัวพ่อและตัวแม่
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ที่เคยแวะไปบ่อยหน่อย ก็จะพอทราบว่า ‘เราพูดเสมอว่า เราไม่เน้นให้ลูกไปเรียนพิเศษวิชาการอะไร เราคิดว่าวัยเด็กจนอนุบาลการเล่น และความสนุกคือการเรียนรู้ที่สำคัญ’ พอเข้าโรงเรียน เราจึงเลือกโรงเรียนที่ไม่เน้นวิชาการแต่เน้นสอนทักษะการใช้ชีวิต ไปโรงเรียน กลับมาบ้าน เราจะได้ยินปูนปั้นเล่าว่า วันนี้ เรียนทอดไข่ ทำวุ้น เล่านิทาน เล่นกีฬา พับผ้าปูที่นอน ไปดูใบไม้ เป็นต้น และนั่นหละที่เราชอบแต่ก็ต้องยอมรับว่าด้วยการที่เด็กต้องมีการสอบแข่งขัน เข้าโรงเรียนต่างๆ ในระดับประถมโรงเรียนอนุบาล แม้จะไม่เน้นวิชาการ … แต่ก็ต้องมีบ้าง โรงเรียนปูนปั้นก็เช่นกันมี การบ้านอนุบาล ให้กลับมาทำเล็กๆ น้อยๆ
กลับมาที่ ‘แล้วเราบังคับ หรือ ทำให้ปูนปั้นไม่สนุกกับการทำการบ้านหรือเปล่า?’ ตอบได้เลยว่า ‘เมื่อกลับมาถึงบ้าน ปูนปั้นก็จะชวนปะป๊าหม่ามี๊ มานั่งดูปูนปั้นทำการบ้านเอง’ หลายๆ ครั้ง ที่การบ้านมีหลายหน้า (ส่วนใหญ่จะเป็นวันศุกร์ อาจจะมีพวกคัดลายมือ + กับพวกแบบฝึกหัดเชาวน์ที่ปูนปั้นชอบมาก) ในระหว่างทำ เราจะถามปูนปั้นเสมอว่า ‘พอก่อนได้นะ แบ่งทำวันเสาร์ก็ได้ หรือ ถ้าปูนปั้นเมื่อมือก็พอก่อนนะ’ แต่คำตอบมักจะออกมาว่า ‘ปูนปั้นอยากทำให้เสร็จ’ นั่นคือที่มา ที่ได้เห็นรูปปูนปั้นนั่งทำ การบ้านอนุบาล เองแม้หน้าตาจะจริงจัง แต่เขาสนุกกับมัน
ตอนแรกๆ ปูนปั้นก็เหมือนเด็กทั่วไปเจอสิ่งที่ไม่ชอบทำเช่น คัดลายมือหรือ ระบายสี ก็จะโยกโย้ แต่สิ่งที่เราพยายามเข้าใจปูนปั้นคือ
- กล้ามเนื้อมือน้อยๆ ของเขายังไม่แข็งแรงดังนั้นการจับดินสอ อาจจะทำให้เขาไม่สนุก
- เราไม่มองว่า ‘ทำไมลูกไม่ชอบทำการบ้าน’ และ ‘เราไม่เครียดเมื่อเห็นเพื่อนๆ ปูนปั้นทำได้ดีกว่า’
- เด็กต้องปรับตัว เราต้องให้เวลา และเด็กแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน
สิ่งที่เราทำกับปูนปั้น สมัยแรกๆ คือ
- ตกลงกันว่า ทำให้ดีที่สุด เบื่อเมื่อย เราก็หยุดไปเล่น
- เมื่อเราก็ไม่เครียด เพราะไม่เปรียบเทียบ เราก็เลยไม่พยายามบังคับให้ปูนปั้นทำเกินกว่าที่เขาพร้อม … เพราะเรามีเวลาให้เขาเสมอเมื่อเขาพร้อมจะทำต่อ
- ให้กำลังใจ ในทุกความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ทำตาโตตื่นเต้น บอกให้เขารู้ว่า เรารู้อยู่แล้วว่าเขาทำได้ และเราภูมิใจ
- มีเป้าหมายให้เขาสนุก เช่น ถ้าเสร็จตรงนี้ไปเล่นอะไรกันดี
เมื่อเราทำเช่นนั้น ‘เขาจึงไม่ได้รู้สึกว่าการบ้านเป็นยาขม และเมื่อถึงวันที่ร่างกายพร้อม บวกกับจิตใจถูกเติมมาตลอด’ แล้วจู่ๆ ปูนปั้นก็ ไม่ยอมเลิกทำการบ้าน หากไม่เสร็จ ซะงั้น
ความภูมิใจในตัวลูกที่เรียนระดับอนุบาลเอาจริงๆ ผมแทบจะไม่ได้ใส่ใจผลการเรียนเลย ผมว่า เป็นเรื่องตลกด้วยซ้ำที่ครูประเมินผลการเรียนเด็กอนุบาลได้ ผมชอบอ่านสิ่งที่ครูเขียนมาว่าลูกทำอะไร มีพฤติกรรมอย่างไรที่โรงเรียน และนั่นแหละคือสาระสำหรับผม และผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการคัดเลือกเด็กด้วยการสอบเข้าแบบแนวข้อสอบปัจจุบัน เพราะเป็นการบอกว่า หนูๆ ทุกคนต้องหมุนรูปเป็นนะแล้วหนูจะเก่ง บวกกับการเดาตัวเลขในระดับที่เหมาะสมของคุณพ่อคุณแม่และส่วนผสมนี้คือเด็กคุณภาพที่โรงเรียนเราจะรับเข้ามา เพราะผมไม่ได้เติบโตมากับโรงเรียนแบบนั้น (ผมเป็นเด็กที่เรียกว่าอยู่ในกลุ่มเรียนเก่งนะฮะ)
และเมื่อผ่านการเอาลูกไปทดสอบครั้งหนึ่ง ผมก็ตัดสินใจได้ว่า ลูกผมไม่ควรจะต้องมาตอบคำถามที่ถูกใจคุณครูเท่านั้น และเราจึงมุ่งเอาลูกทั้งสองคนสู่โรงเรียนทางเลือก โรงเรียนที่เด็กไม่ต้องสอบเข้า โรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเดาตัวเลขใส่ซองเพราะไม่รับ และโรงเรียนที่เข้ายากเสียกว่าแต่กลับทำให้สุขใจ เพราะเราเชื่อว่าการเรียนแบบเปิดกว้างจะทำให้เขารักการเรียนรู้และมีความสุขกับชีวิต เราจึงมั่นใจว่าโรงเรียนทางเลือกคือทางที่เหมาะกับเด็กและเมื่อเราได้เข้าไปสัมผัส เราจึงได้รู้ว่า ที่พูดกันว่าโรงเรียนทางเลือก ไม่สอนหนังสือนั่นคือความเข้าใจผิด แหม่ อยากเล่าเรื่องโรงเรียนลูกจัง
>>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค
หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<
บทความน่าสนใจอื่นๆ
แพ้ชนะไม่สำคัญ เท่า “เราชนะพร้อมกัน”
“ลูกช่างถาม” รับมืออย่างไร ไม่ขัดพัฒนาการลูก
แชร์ประสบการณ์ ฝึกวินัยการกินให้ลูก กินข้าวตรงเวลา
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่